Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
>>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
13.7.55
Kiss me Killi me 06
มือเล็กไขกุญแจดอกใหญ่ออกแล้วผลักบานประตูเหล็กเข้าไป สายลมแผ่วเบาพัดกระดิ่งลมที่แขวนไว้ในสวนส่งเสียงกรุ้งกิ้งราวกับกำลังต้อนรับหญิงสาวกลับบ้าน นัยน์ตากลมโตมองไปรอบๆจนไปสะดุดเข้ากับต้นไผ่ลำสูงที่ปลูกไว้ริมรั้ว
...ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านพักหลังใหม่ของป้าเข้าออกเช้าเย็นอยู่ทุกวันไม่เคยสนใจสวนเล็กๆนั่นเลย แต่ฟาก็เพิ่งสังเกตเห็นวันนี้ว่าที่นี่มีต้นไผ่ด้วยแถมยังแขวนกระดิ่งลมไว้อีกต่างหาก
เห็นต้นไผ่ทีไรชวนให้นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทุกที....
หญิงสาวหยิบมือถือเครื่องจิ๋วขึ้นมาเปิดดูวันที่ วันนี้เป็นวันที่7 กรกฎาคม สำหรับประเทศไทยก็คงเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งในเดือนนี้ แต่ตามประเพณีของประเทศญี่ปุ่น วันที่7เดือน7ของทุกปีคือวัน ทานาบาตะ อันมีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับการขอพรและอธิษฐานเพื่อให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักวันนี้
สาวหน้าหวานอมยิ้มส่ายหน้าไปมา
..อย่างน้อย ก็มีลูกพี่ลูกน้องของเธอคนหนึ่งล่ะที่เชื่อ...จนถึงขั้นงมงายเลยละมั้ง
“ทานาบาตะปีนี้ พี่เนยคงทำอะไรลมๆแล้งๆเหมือนเดิมอยู่สินะคะ” ฟาทอดสายตาเหม่อมองต้นไผ่พลิ้วไหวไปตามแรงลม
........................................................................................................................
ชุดวันพีชสีหวานถูกโยนลงบนที่นอนลายน่ารักที่เกลื่อนไปด้วยเสื้อผ้า เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บุนวมนุ่มที่อยู่ใกล้ๆเตียงนอน ใบหน้าใสเง้างอพลางยกปลายนิ้วยกขึ้นจรดริมปากครุ่นคิด
“ให้ตายสิ ไม่มีชุดไหนที่ใส่แล้วมันจะยั่วได้บ้างเลยรึไง” ฟาเม้มริมฝีปากมองเงาสะท้อนใบหน้าหวานของตัวเองผ่านกระจก เพราะหน้าตาน่ารักให้ความรู้สึกน่าถนุถนอมทำให้แต่งตัวออกมาได้แบบสาวหวานอย่างเดียว เธอถอนหายใจสะบัดตัวลุกขึ้นไปหยิบชุดหนึ่งออกมาจากตู้ที่โล่งไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“ตัวนี้คงพอไหวล่ะมั้ง...” มือเล็กๆจับเสื้อเกาะอกมาทาบที่ตัว เสื้อเกาะอกตัวนี้เป็นของขวัญจากลูกพี่ลูกน้องคนสำคัญ เลยโดนแขวนไว้ด้านในสุดเพราะเป็นเสื้อผ้าแหวกแนวที่มาอยู่ผิดที่ผิดทาง
คืนนี้มีแผนการสำคัญ ถึงจะไม่ใช่คนสวยแต่เธอก็มั่นใจในความน่ารักของตัวเองมาก
มีลุ้นแน่คืนนี้....
พอคิดถึงตอนที่ได้เห็นสีหน้ายอมจำนนยกให้ทุกอย่างของยัยหัวแดงแรงฤทธิ์นั่นก็อดยิ้มไม่ได้ ยิ่งคิดใบหน้าหวานก็ยิ่งเผยรอยยิ้มปีศาจน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ
.....เดี๋ยวก็รู้...... ว่าใครจะแน่กว่ากัน
วันนี้ฟาแต่งหน้าแบบบางๆเน้นให้ดูเป็นธรรมชาติ เริ่มจากรองพื้นด้วยแป้งเนื้อสีเดียวกับสีผิวตัวเอง ใช้บลัดออนสีชมพูอ่อนๆปัดที่แก้ม แต่งตาโดยดัดขนตาธรรมดาแล้วทำไฮไลท์ด้วยสีขาวเน้นให้ตาเด่น ส่วนริมฝีปากอิ่มใช้ลิปสีนู๊ดทาเวลาโปรยยิ้มทำให้ได้อารมณ์หวานปนเซ็กซี่หน่อยๆ ผมยาวสลวยถูกรวบมัดไปด้านข้างแล้วมัดด้วยยางรัดผมแต่งระบายลูกไม้สีหวาน ส่วนเสื้อเกาะอกสีขาวพอดีตัวที่เลือกแล้วเลือกอีกก็เผยให้เห็นผิวขาวเนียนและเนินอกที่ชวนมอง ยิ่งแต่งคู่กับกระโปรงยีนส์สั้นโชว์เรียวขางาม..ลงตัวสุดๆ เมื่อมองดูความเรียบร้อยผ่านกระจกสาวหน้าหวานก็ยิ้มเรียกความมั่นใจก่อนจะหยิบสร้อยเงินราคาแพงที่ได้จากคู่อาฆาตมาใส่
...ครบเซท...น่ารักแอบเซ็กซี่...สมบรูณ์แบบ เป็นการมิกซ์แอนด์แมชที่ลงตัวสุดๆ ที่เหลือก็คงต้องทุ่มสุดตัวสุดฝีมือเพื่อจะทำให้ยัยคนแรงๆนั่นตายใจแล้วตกหลุมพราง
........................................................................................................................
หน้าโรงหนังตอนพลบค่ำ สาวอวบในสุดเสื้อยืดลายการ์ตูนกับกระโปรงพลิ้วแต่งตัวได้ธรรมดาสุดๆยืนลังเลใจหันซ้ายหันขวา ข้างๆกันคือสาวเซอร์แต่งตัวด้วยลุคเสื้อยืดพอดีตัวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์สีซีดแถมด้วยรองเท้าแตะ
“โครตจะเด่นเลย นี่แต่งตัวมาดูหนังแน่เร๊อะ” โซดาแค่นยิ้มมองดูสาวหน้าหวานที่ยื่นเด่นอยู่หน้าโรงหนัง ขนาดคนมนุษย์สัมพันธ์ดีอย่างแมวน้ำยังไม่กล้าเข้าไปทักได้แต่ชั่งใจ
“ซะ..โซดา...ไปหาฟากัน...” สุดท้ายมืออวบก็พยายามดึงลากคนข้างๆที่ยืนตัวแข็งสุดชีวิตให้ไปด้วยกัน
สาวสวยที่เพิ่งลงจากรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่อีกฝั่งของถนนเห็นภาพแมวน้ำกำลังลากเพื่อนถูลู่ถูกังอยู่ เลยเดินเข้าไปหาทั้งสองเงียบๆ นัยน์ตาสีเทาเลยมองไล่ตามสายของเพื่อนหุ่นไซส์ปุ้มปุ้ยไปยังด้านหน้าโรงหนัง
เอาซะเด่น...นี่แอ๊บเซ็กซี่รึไง?
“เข้าใจแต่งตัวมาดูหนังนิ....” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นดึงความสนใจให้สองสาวหันมามอง
สาวสวยที่ใครๆต่างพากันคิดว่าต้องแต่งได้เลิศที่สุด ดันสวมเสื้อตัวใหญ่สีเทาที่ชายสั้นกว่าทับเสื้อตัวยาวสีน้ำตาลด้านใน ถึงจะสวมคาร์ดิแกนสีหวานตัวสั้นที่สุดทับแต่ก็แอบเซ็กซี่เพราะแทบมองไม่เห็นชายกระโปรงสั้น เลคกิ้งสีดำสนิทช่วยเบรกไม่ให้ดูโป๊ะแถมยังดูเท่หน่อยๆเมื่อใส่เข้ากับรองเท้าบู๊ทสีดำเนื้อมันวาว ส่วนผมสีเพลิงเด่นสะดุดตาถูกรวบเป็นเปียเก็บสวยงาม ใบหน้าสวยๆแต่งตาให้ดูเชี่ยวเน้นความมั่นใจเต็มที่
แมวน้ำอึ้งไป3วิตะลึงกับลุคเรียบง่ายแต่สะกดสายตา ส่วนโซดาถึงกับพยักหน้าเบาๆแล้วยิ้มที่มุมปาก
“ไม่เข้าไปหาล่ะ” มิ้นเลิกคิ้วหันมาถาม
“ยังไม่อยากเป็นเป้าสายตาน่ะ” เสียงแหบๆตอบแทนคนข้างๆที่ยืนไบ้กิน
“จะทุ่มครึ่งแล้วเข้าไปเอาตั๋วหนังกัน มีคนซื้อไว้ให้แล้ว” สาวสวยบอกก่อนจะเดินนำไปหาอีกคนที่ยืนเด่นอยู่
แต่นัยน์ตาสีเทาเห็นชายสองคนกำลังคุยกันอยู่แถมยังส่งสายตาหื่นกามมองฟาชนิดมองจนทะลุเสื้อผ้าไปถึงกระดูกได้เลย ริมฝีปากบางเลยเม้มเข้าหากันพร้อมกับใบหน้าสวยแสดงสีหน้าไม่พอใจ
ไวกว่าความคิดมิ้นรีบเดินเข้าไปหาอีกคนที่ยิ้มหวานรออยู่
“มิ้นจ๋า....”
นัยน์ตากลมโตมองการแต่งตัวที่ธรรมดาแต่เก๋มีสไตล์ของสาวผมแดงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจรอบข้างเลยไม่รู้ว่าตัวเองโดนมองด้วยสายตาหื่นกระหายอยู่
อีคาร์ดิแกนตัวนี้อีกแล้ว ท่าทางจะชอบซะจริ้งใส่มาอยู่ได้...
คนตัวเล็กได้ทีเดินเข้าไปออดอ้อน ถึงจะหมั่นไส้แต่ก็ต้องเก็บไว้ก่อนยิ้มหวานเข้าใส่แทน
มิ้นตวัดสายตามองชายสองคนที่ยังมองไม่เลิก ยิ่งเห็นก็ยิ่งหงุดหงิดเลยโอบไหล่คนน่ารักข้างๆโชว์ซะเลย ฝ่ายคนโดนกอดตกใจสะดุ้งน้อยๆ
..มะ..มือไวไปไหม ห๊ะ!
ฟาหลุดสีหน้าหวั่นๆออกมาแต่ก็รีบยิ้มหวานกลบเกลื่อนได้ทัน
ภาพที่เห็นผ่านสายตาทำให้แมวน้ำแค่นหัวเราะ ฝ่ายโซดาได้แต่ยิ้มที่มุมปากที่ได้เห็นนิสัยอีกมุมของคนแรงๆอย่างมิ้น
“แมวน้ำ โซดาเข้าไปข้างในกัน” สาวสวยเรียกให้เพื่อนเดินตามเข้ามา แต่ดันมีตัวแถมเพราะผู้ชายสายตาหื่นสองคนนั้นเดินตามสี่สาวเข้าไปในโรงหนังด้วย
........................................................................................................................
ขนาดเดินเข้ามาในโรงหนังผู้ชายสองคนนั้นยังเดิมตามอยู่ มิ้นเม้มปากแถมความหงุดหงิดก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เธอเลยจงใจพาเพื่อนเดินไปทางห้องน้ำ อีก500เมตรจะถึงห้องน้ำหญิงแต่คนที่ตามก็ยังตามไม่เลิก สาวสวยเลยหยุดเดินเอาดื้อๆจนสามสาวที่เดินตามมาแทบเบรกไม่ทัน ฟาที่เดินตามติดๆชนเข้ากับคนตัวสูงก่อนใครเพื่อนเลยมีอาการหน้างอขมวดคิ้ว
“มิ้นหยุดทำไมเหรอ?”
ใบหน้าหวานรีบปั้นหน้ายิ้มเงยขึ้นมองคนที่หยุดเดินด้วยความสงสัย
ไม่มีคำตอบจากเจ้าของเรือนผมสีเพลิง นอกจากสองมือที่ถอดเสื้อคาร์ดิแกนจากตัวเองมาสวมคลุมเกาะอกอันล่อตาล่อใจของคนตัวเล็กจนได้สโตกเกอร์สองหน่อเดินตาม
นัยน์ตาคู่คมตวัดไปทางรัศมีสายตาหื่นๆ พอไม่มีวิวดีๆให้มองชายสองคนก็มีสีหน้าเสียดาย
“เดินตามกันขนาดนี้ จะตามไปจนถึงตอนเข้าห้องน้ำเลยไหมคะ” คำถามทั่วไปกับรอยยิ้มธรรดมากลายเป็นคมมีดและรอยยิ้มร้ายๆกรีดใจให้คนถูกถามได้สะดุ้งทันที แถมยังเรียกสายตาประณามจากผู้หญิงมากมายที่เดินผ่านไปมาอีก สุดท้ายพวกเขาก็รีบจ้ำหนีไปด้วยความอับอาย
ฟาถึงกับอึ้ง ขนลุกทั้งตัวเมื่อเพิ่งมารู้ตัวว่ากลายเป็นอาหารตาของใครที่ไหนก็ไม่รู้ ยังดีที่ได้คนตรงหน้าช่วยเอาไว้
ช่วย..เหรอ? เฮอะ....ใครเค้าขอร้องให้ช่วยยะ! จะเอาคำขอบคุณเรอะฝันไปเถอะ
“ฟะ..ฟา...ไม่รู้ตัวเลยว่าเค้ามอง..กลัวจัง”
ได้ทีก็แอ๊บหวาดกลัวสุดขีดตรงเข้ากอดมิ้นใหญ่แถมยังซุกหน้าลงกับหน้าอกคนตัวสูงอีก
“คราวหน้าก็คิดหน่อยก่อนจะแต่งอะไรมา เดี๋ยวจะโดนฉุดเข้าป่าข้างทางมาไม่ถึงโรงหนังเอา!”
... จะมากไปแล้วนะ ยัยบ้า !!
ฟาถึงกับเซถอยห่างรีบหันหน้าหนี มือเล็กกำแน่น นี่ถ้าตบได้จะตบให้หน้าหงายไปเลย!
“เอ่อ เห็นมาทางห้องน้ำไม่เข้าห้องน้ำกันเหรอ งั้นเราเข้าห้องน้ำก่อนนะ” แมวน้ำที่เริ่มเห็นท่าทีไม่ดีเลยพูดขึ้นทำลายบรรยากาศน่าอืดอัด
“งั้นไปเอาตั๋วก่อนนะ” สาวสวยออกตัวแล้วเดินกลับไปที่จุดขายตั๋ว ส่วนฟาได้แต่เดินตามสาวอวบเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ เหลือแต่โซดาที่ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ
……………………………………………………………………………………………………………
มิ้นมองตั๋วหนังในมือแบบเซ็งๆ คิดผิดจริงๆที่ให้พ่อบ้านตัวดีผู้ชื่นชอบหนังผีเป็นชีวิตจิตใจจัดการเรื่องนี้ให้ แทนที่จะได้ดูหนังใหม่สนุกๆ เลยได้ดูหนังผีเข้าใหม่ไปซะแบบนั้น
...เอาเถอะไหนๆก็ซื้อไปแล้ว ไปนั่งดูหน่อยล่ะกัน คิดซะว่าไปดูหนังกับเพื่อน...ไม่สิ เพื่อนสองคนกับคนที่น่ารังเกียจอีก1
เรียวปากบางยิ้มก่อนจะเก็บตั๋วใส่กระเป๋ากระโปรงยีนส์สุดสั้นโดยไม่รู้ตัวว่ามีสายตาของใครบางคนมองอยู่
“อ่าว นึกว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็น้องมิ้นนี่เอง ไงคะ สบายดีไหมคะ”
เรียกระคายแก้วหูดังขึ้นเบื้องหลังให้หญิงสาวต้องหันกลับไปมอง
สาวรุ่นพี่หน้าโบกเครื่องสำอางหนาๆกับเสื้อคอกว้างที่คว้านจนก้มทีแทบจะมองเห็นสะดือได้ ไหนจะกระโปรงสั้นๆที่ไม่เข้ากับวัยนั้นอีก แทนที่จะดูสวยเปรี้ยวกับดูพิลึกๆเหมือนคนพยายามจะทำสวยมากกว่า
“อ่าวนี่หลุดมาจากแหล่งไหนเหรอคะ พี่แหวน”
ใบหน้าสวยเยียดยิ้มใส่อดีตคู่ควงคนที่เท่าไรก็ไม่รู้ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไรจำได้ว่เป็นคู่ควงนี่ก็บุญแล้ว
“ต๊าย ปากดีไม่เปลี่ยนเลยนะคะ พอดีพี่มาดูหนังกับแฟนใหม่ค่ะ เนี่ยเพิ่งช็อปหมดไป3หมื่นกว่าๆ”
แหวนพูดแล้วมองไปทางสาวหล่อร่างท้วมผิวเข้มหน้าตาบ้านๆแต่แต่งตัวภูมิฐานที่ยืนเข้าแถวซื้อตั๋วหนังอยู่
“จะมีใหม่ทั้งที หาที่ดูดีได้ซักครึ่งของมิ้นหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวเค้าจะรู้ตัวเอาว่าพี่รักเค้าที่ เงิน ” เสียงเรียบเน้นหนักตรงคำว่าเงิน แทบทำให้คนฟังเต้นเป็นเจ้าเข้า
“เหรอคะ แล้วสวยๆอย่างน้องมิ้นเนี่ย หาใครเป็นตัวเป็นตนได้รึยังล่ะคะ รึแจกจ่ายทั่วถึงคนนั้นคนนี้ไปวันๆ”
มิ้นยิ้มใส่เลื่อนมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทีไม่พอใจเท่าไร ฝ่ายคนหาเรื่องยิ้มสะใจจนออกนอกหน้า
ภาพสถานการณ์ที่สาวสวยโดนใครที่ไม่รู้มาคุยด้วยทำให้ฟาเม้มริมฝีปาก
ยัยผู้หญิงหน้าเหมือนงิ้วนี่มันใครเนี่ย อย่ามายุ่งกับเหยื่อ(?)ของคนอื่นจะได้ไหม วันนี้อุส่าลงทุนแต่งแหวกแนวน่ารักมาแทบตายเรื่องอะไรจะให้หมาที่ไหนไม่รู้คาบไปกินกันเล่า
“รอนานไหมคะมิ้น”
จู่ๆเสียงหวานก็ดังขึ้นขัดความร้อนระอุ พร้อมกับสองแขนที่ตรงเข้าโอบกอดคนตัวสูงจากข้างหลัง
ฟายิ้มหวานปรายตามองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยสายตาดูถูก ทั้งความน่ารักทั้งความสาวและท่าทางออดอ้อนนั่นทุกอย่างมันลงตัวเกินไปแล้ว สาวรุ่นพี่อย่างแหวนไม่มีอะไรจะสู้ได้ซักนิดทำได้เพียงมองจิกสายตาใส่สู้ตายแบบหมาจนตรอก
“อ่าวฟาไปไหนแล้วล่ะ?” แมวน้ำหันซ้ายมองขวาหาคนตัวเล็กที่เดินออกมาก่อน
“โน้น ไปโน้นแล้ว” โซดาโบ้ยหน้าไปทาง มิ้นที่ยืนเผชิญหน้ากับสาวรุ่นพี่แถมมีฟาเกาะแกะอยู่ด้วย
“มิ้นยืนอยู่กับใครน่ะ ท่าทางไม่ดีเลย” พูดจบสาวอวบก็คว้ามืออีกคนไปด้วยความร้อนลน
ก่อนที่แมวน้ำจะลากโซดาเข้าไปกลางดงสงคราม มือเรียวก็ดึงตัวคนข้างหน้าให้เป็นเชิงหยุด
“รออยู่แค่ตรงนี้เถอะ”
“เอ๋!?”
ใจหนึ่งก็อยากเดินเข้าไปช่วยเพื่อนแต่ก็อยากฟังที่โวดาพูดด้วยเหมือนกัน
“มีฟาอยู่ด้วยแบบนั้นมิ้นไม่เป็นไรหรอกน่า รอฟังรอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า”
สาวเซอร์บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนอะไร ท่าทีที่ใจเย็นเกินชาวบ้านชาวเมืองทำให้คนใจร้อนล้นยอมฟังและทำตาม
กลับมาที่แวดวงของสามสาวที่ยืนมองหน้ากันเด่นอยู่กลางทางเดิน
“ใครเหรอคะมิ้น”
ฟาเปิดฉากก่อนด้วยการยิงคำถามตรงๆออกมา
มิ้นเลิกคิ้วกับกากระทำเกินจะคาดเดาของยัยแอ็บตัวแม่ นี่คนสวยต้องรับศึกทีเดียวพร้อมกันสองทางเลยเรอะ! แต่ลองดูซักตั้งก็ไม่เสียหายอะไรนิ?
“คู่ขาเก่าน่ะ เสียงดังน่ารำคาญเลยเลิก”
สาวหน้าหวานยิ้มไม่ออก ความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนทุบด้วยคำพูดจนมึน เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนสวยเลือกได้อย่างยัยนี่จะเป็นพวกอนุรักษ์ไม้ป่าเดียวกันไปได้ แถมยังกล้ายอมรับออกมาแบบตรงๆอีก
ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้ม
“แหมมิ้นก็ เล่นคบไม่เลือกเลยนะคะ” ฟาเอียงคอหน่อยยกมือขึ้นจรดริมฝีปากแอ๊บน่ารักสุดๆ “ไม่รู้นะคนอื่นอาจจะมองว่าพี่เค้าสวย แต่ฟาว่าต่ำกว่ามาตรฐานเกินรับไหวน่ะ” ใบหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางมารน้อยโปรยรอยยิ้มเคลือบยาพิษให้
คบไม่เลือก เป็นคำเหน็บแหนมว่าคนหัวแดงมั่วไปทั่วสวยไม่สวยขอเป็นผู้หญิงคั่วหมด ส่วนต่ำกว่ามาตรฐาน เป็นคำพูดที่เหมือนคมมีดกรีดใจคนฟังอย่างแหวนให้รู้ตัวว่าไม่มีอะไรมาเทียบระดับกันได้ รู้ตัวไว้ซะว่ามีแต่แพ้กับแพ้ คนที่แพ้ยับเยินเลยได้แต่เจ็บใจจนกัดปากแน่น
เหอะ... ร้ายนี่เล่นเชือดทีเดียวพร้อมกัน มิ้นหัวเราะในลำคอ
ตอนนี้สามสาวเริ่มตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไป ในที่สุดคนแพ้ก็รีบจรลีถอยทัพหนีไปดื้อๆ
เมื่อโซดาเห็นทุกอย่างสงบลงแล้วจึงเลิกสังเกตการณ์แล้วพาแมวน้ำเดินเข้าไปหาสองสาว
“เข้ากันดีนิ หนึ่งแรง หนึ่งร้าย” สาวเซอร์แค่นยิ้ม
“ก็ยอมรับว่าแรง” เรียวปากบางยิ้มรับคำเพื่อน
ส่วนคนหน้าหวานถึงกับรีบออกตัว “ใครร้ายเหรอ? อ๋อผู้หญิงคนเมื่อกี้ใช่ไหม ฟาก็ว่าเค้าร้ายนะ” ยัดเหยียดความร้ายกาจให้คนแพ้ที่หนีไปทันที
“คงงั้นมั้ง” โซดาได้แต่ยิ้มๆยอมเฉไฉตามน้ำไป
“มิ้น รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันหนังฉายนะ” สาวหน้าหวานรีบเปลี่ยนเรื่องเขี่ยคำว่าร้ายไปให้พ้นตัว
“อืม ไปรอหน้าทางเข้าที่โรง3กัน” ฟาเลิกคิ้วแปลกใจที่อีกฝ่ายยอมให้ควงแขนไม่มีท่าทีปฏิเสธแถมยังพาเดินไปเองซะอีก
ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้ม รึแผนจะสำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว!
........................................................................................................................
บริเวณหน้าโรงหนังหมายเลข3 ก็เห็นคนไปมุงกันเต็มไปหมด ตรงกลางฝูงชนมีมีกระถ่างใส่ต้นไผ่สูงราวๆ2เมตรตั้งเด่นสะดุดตาไว้ แถมยังมีเจ้าหน้าที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆกัน บนโต๊ะมีกระดาษหลากสี กับดินสอ ปากกา สีเมจิกให้บริการฟรี
“วันนี้วันทานาบาตะค่ะ เป็นความเชื่อของคนญี่ปุ่น เค้าเชื่อกันว่าถ้าเขียนขออะไรก็สมหวัง ถ้าสนใจก็มาเขียนคำอธิษฐานแล้วมาผูกที่ต้นไผ่ได้นะคะ ” พนักงานหญิงประชาสัมพันธ์บอกลูกค้าทั้งสี่ที่เพิ่งเดินมาถึงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“น่าลองจัง เขียนว่าขอให้ผอมๆดีไหมเนี่ย” แมวน้ำบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแถมยังเดินไปหยิบกระดาษก่อนใคร
“กินแหลกแบบนี้ชาติหน้าคงผอม” โซดารีบพูดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นก็ขอให้ตัวเองพูดเยอะๆเหมือนชาวบ้านเค้าซะสิ ไอ้ตัวพูดน้อย” แมวน้ำตอบโต้กลับด้วยท่าทีหมั่นไส้
ฟาที่เห็นเพื่อนสองคนแหย่กันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะที่ไร้การเสแสร้งทำให้มิ้นยิ้มออกมาด้วย พอรู้ตัวว่าโดนมองคนตัวเล็กเลยหันมาหาเจ้าของเรือนผมสีเพลิง
“ฟา จะเขียนว่า ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุข มิ้นจะเขียนว่าอะไรเหรอ”
ริมฝีปากอิ่มโปรยยิ้ม
....ขอให้ทุกคนมีความสุข! สมกับเป็นยัยแอ๊บแตกจริงๆ
“ว่าจะเขียนขอให้ไม่มีคนเสแสร้งน่ะ”
นัยน์ตาสีเทาหรี่ลงพร้อมกับเรียวปากบางเหยียดยิ้มทำเอาคนที่แอ๊บมาเต็มที่ถึงกับหุบยิ้มรีบหันหน้าหนี
........................................................................................................................
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น