ตอนพิเศษ
TANABATA
ทานาบาตะ
................................................................................................................
“เรื่องครั้งนี้
ผมผิดเองที่ไว้ใจคูมากเกินไป ทั้งที่คูยังอ่อนประสบการณ์อยู่แท้ๆ” ชายชราในชุดสูทภูมิฐานเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ใบหน้าเหี่ยวย่นมีริ้วรอยตามไปวัยพยายามซ่อนอารมณ์หม่นหมองเอาไว้
เพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม
“ดิชั้นก็มีส่วนผิดค่ะทั้งทีเป็นเลขาทำงานอยู่ใกล้คุณคูที่สุด
แต่ดิชั้นกลับเป็นประโยชน์อะไรให้คุณคูไม่ได้เลย ” หญิงสาวในชุดสูทสุภาพบอก
ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางๆก้มลงราวกับต้องการจำนนต่อความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น
สองมือกุมประสานบีบแน่นอยู่บนตัก
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ
....ในที่สุดหญิงสาวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“คุณ คันซากิ คะ
ให้ดิชั้นมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเถอะค่ะ” เธอก้มศีรษะโค้งลงโน้มไปข้างหน้า
แสดงถึงความตั้งใจขจริงที่พร้อมมือกับปัญญา
“จิรวดีซังคุณเป็นเลขาที่ดีมาก
ทำงานได้เยี่ยมยอดไม่เคยทำให้คูกับผมผิดหวังเลย แต่
คู ยืนกรานว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเค้าเอง
เลยขอรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง”
เขายิ้มเอ็นดูหญิงสาวเหมือนครั้งที่แรกที่ได้พบกัน
“จิรวดีซัง
ผมรักคุณเหมือนที่รักคู ผมรู้ว่าคุณรักและหวังดีกับคูจริงๆ
แต่ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของคูที่จะกลับไปตระกูลคันซากิด้วยตัวเอง
ถึงคุณจะเป็นคนนอกแต่คูบอกเรื่องธรรมเนียมภายในของตระกูล คันซากิ
ไว้แล้วสินะ”
“ค่ะ....ดิชั้นทราบค่ะ” ใบหน้าสวยเสสายตามองไปทางอื่น
.......................................................................................................................
“พี่...”
“พี่เนยคะ...”
ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอ่อนๆหันมาตามเสียงเรียก
“จ๋า”
เสียงหวานขานรับ
พร้อมระบายรอยยิ้มให้เด็กสาวในชุดนักเรียนม.ปลายที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พี่เนยก็
ฟาเรียกตั้งหลายครั้งแล้ว ใจลอยไปไหนคะ” คนตัวเล็กทำแก้มป่องเอียงศีรษะไปมาจนพี่สาวคนนี้อดจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“พี่ก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ” จิรวดียิ้มให้ลูกพี่น้องที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวแท้ๆ
โกหกไม่เนียนเลยนะพี่เนย....ใครที่ไหนก็รู้ว่าพี่คิดเรื่อง
ยัยคุมิโกะอยู่ ยัยผู้หญิงเห็นแก่ตัวทำเป็นเอาความรับผิดชอบมาอ้าง
สุดท้ายก็ทิ้งพี่เนยไปอยู่ดี...!
“เดือนหน้าพี่เนยจะไปเล่นต่อป.โทที่อังกฤษแล้ว
ฟาคงเหงาแหย่เลย”
เจ้าตัวเล็กทำหน้าหงอยๆเรียกร้องความสนใจ
“เพื่อนเราก็ออกจะเยอะแยะ
พี่ไม่อยู่แค่คนเดียวไม่เหงาหรอก...จริงไหม” หญิงสาวยกมือขึ้นโอบไหล่เล็กของญาติผู้น้องเอา
พอสบเข้ากับนัยน์ตากลมโตของเด็กสาวก็เหมือนโดนอ่านความคิดจนต้องเสสายตามองไปทางอื่น
…ไปอยู่ไกลๆก็ดี
จะลืมยัยนั่นแล้วก็มีแฟนใหม่ดีๆกว่าไปเลย
“ถึงฟาจะเหงา...แต่ไมเป็นไรคะ
เราคุยกันผ่านเฟสก็ได้”
ใบหน้าใสๆระบายยิ้ม
“พี่ไม่อยากอยู่เมืองไทยแล้วเอาแต่คอยคูจังฝ่ายเดียวน่ะ” พี่สาวคนสวยยิ้มเศร้าๆ
ให้ตายสิอะไรจะรักมั่นขนาดนั้น
พี่เนยคะ! รักจริงมันไม่มีบนโลกนี้หรอกค่ะ ตาสว่างซักทีเถอะ
“พี่เนยเป็นแฟนที่ดีมากเลยนะคะ
ขนาดเค้าบอกว่าต้องกลับไปรับผิดชอบกับบ้านใหญ่ แค่บอกให้รอพี่ก็ยังรอ
นี่ก็3ปีแล้วตั้งแต่พี่ไปส่งเค้าวันนั้น
เคยได้คุยกันอีกไหมล่ะค่ะ แต่ก็ยังรอ
ฟาว่าพี่ดีมาก...จนดีเกินไปสำหรับเค้าแล้วล่ะค่ะ”
เด็กสาวพยายามยิ้มหวานกลบเกลื่อนถ้อยคำแฝงการประชดประชัน
เป็นคำพูดที่ให้กำลังใจและตอกย้ำให้คิดไปพร้อมกัน
จิรวดีได้แต่ยิ้มเศร้าๆกับคำพูดที่ให้กำลังใจและตอกย้ำให้คิดไปพร้อมกัน
“พรุ่งนี้วันที่ 7 กรกฏาแล้วนะ
ทานาบาตะไงจ๊ะ”
ก่อนบทสนทนาจะเลวร้ายลงไปกว่านี้
คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ฟามาเขียนอธิษฐานกับพี่ที่บ้านไหม”
“ ฟาว่ามันก็แค่ความเชื่อตามตำนาน
จะเป็นจริงได้รึเปล่าก็ไม่รู้นะคะ”
กุลธิดารู้ดีว่า
พี่เนยของเธอเขียนขอพรให้คนรักกลับมาทุกวันทานาบาตะ....ทั้งที่รู้ว่ายิ่งทำก็ยิ่งเจ็บ
ทำไมยังงมงามทำอยู่ได้ ก็แค่สร้างความหวังให้ตัวเองว่า เค้าจะกลับมา
“แต่พี่เชื่อนะ....ถึงมัจจะเหมือนปลอบใจตัวเองก็เถอะ” ใบหน้าสวยเผยยิ้มเศร้าๆ
ถ้าพี่เนยไม่ตาสว่างคงจมอยู่กับความหวัง
ลมๆแล้งๆอยู่แบบนี้ล่ะ
“ค่ะ
ถ้าเป็นจริงได้ก็คงดีนะคะ”
ฟายิ้ม
แต่หรี่ตาลงได้แต่มองอีกคนที่เดินนำไปก่อน
........................................................................................................................
พรุ่งนี้คือวันที่
7
กรกฎาคม
ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น คือวัน ทานาบาตะซึ่งมีตำนานแสนเศร้า
คือเรื่องราวของ โอริฮิเมะ
เจ้าหญิงทอผ้าได้สวยงาม แต่นางสนใจในงานทอผ้ามากไปจนไม่มีคู่ครอง
กระทั้งบิดาซึ่งเป็นเทพผู้ครองสวรรค์ ได้เห็นความขยันขันแข็งและความดีของฮิโบโกชิชายหนุ่มคนเลี้ยงวัวแห่งแม่น้ำสวรรค์
จึง ยินยอมให้ โอริฮิเมะลองได้พบกับ ฮิโบโกชิ
หลังจากทั้งคู่ตกหลุมซึ่งรักและกันจึงแต่งงานและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่ทั้งสองลุ่มหลงในความรักจนลืมหน้าที่ที่สำคัญของตัวเอง
โอริฮิเมะไม่ยอมทอผ้า ฮิโบโกชิก็ไม่ยอมดูแลวัว
ปล่อยให้ฝูงวัวไปหาอาหารกินเองกระจายกระจายไปทั่วจนสวรรค์ปั่นป่วนไปหมด
เมื่อเทพผู้ครองสวรรค์รู้เกิดความพิโรธได้ลงโทษให้ทั้งสองแยกจากกัน
โดยมีทางช้างเผือกเป็นปราการขวางกั้นกลางเอาไว้เพื่อไม่ให้โอริฮิเมะกับฮิโบโกชิได้เจอกันอีกชั่วนิรันดร์
เจ้าหญิงจึงเริ่มทอผ้าอีกครั้ง
ส่วนชายคนเลี้ยงวัวก็ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
จนเทพสวรรค์คลายความโกรธจึงยอมเปิดทางช้างเผือกที่เป็นกำแพงกีดขวางให้หายไปวันที่ 7เดือน 7ของทุกปีที่มีเพียงปีละ1ครั้ง
เพื่อให้ทั้งสองได้มาพบกันอีกครั้ง
ฉะนั้นในวันนี้ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น
จะเขียนคำอธิษฐานใส่กระดาษแล้วนำไปผูกไว้กับต้นไผ่ก็จะทำให้คำอิษฐานหรือความปรารถนาเป็นจริง
….เรื่องราวความรักของเธอเองก็แทบจะไม่ต่างจากตำนาน
ทานาบาตะเท่าไรนัก เริ่มจากตอนฝึกงานก็เป็นถูกอกถูกใจของ Mr. คันซากิ 1ในกรรมการผู้บริหารของบริษัท
จนถูกดึงตัวไปช่วยงานและได้พบกับ คันซากิ คุมิโกะ
ลูกสาวคนสวยของคุณ คันซากิ
ด้วยความใกล้ชิดกันจึงเกิดเป็นความรักขึ้นมา ทั้งตัวเธอและ
คุมิโกะต่างก็รักซึ่งกันและกัน เป็นคู่คิดที่ดีต่อกันมาตลอด
แต่ด้วยเพราะประสบการณ์และอายุยังน้อยของทั้งคู่
ทำให้โปรเจคสำคัญของบริษัทล้มเหลวเกิดความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล
ส่งผลกระทบต่อตระกูล คันซากิ
....คุมิโกะที่แบกรักทุกอย่าง
แบกรับบาปและความผิดทั้งหมดไว้ที่ตัวเองคนเดียว
ได้ตัดสินใจกลับไปทำงานที่บ้านต้นตระกูล ซึ่งมีกฎสำคัญคือ
ต้นตระกูลให้ความเป็นอิสระกับลูกหลายทุกเชื้อสาย
หากมีคนในตระกูลทำความผิดขึ้นมาต้องกลับเข้ามาทำงานรับใช้ต้นตระกูลจนกว่าจะพิสูนจ์ตัวเองให้ต้นตระกูลเห็น
ว่าตนเองพร้อมจะออกไปจากตระกูลใหญ่อีกครั้ง
เธอยังจำครั้งสุดท้ายที่ไปส่งคนรักที่สนามบิน
“เนจัง ต้องรอ คูนะ
คูจังจะกลับมาหาแน่นอน สัญญานะว่าจะรอ คูรัก เนจังมากนะ”
คันซากิ
คุมิโกะ หญิงสาวเคยผู้ทรงอำนาจในคันซากิกรุ๊ป เป็นผู้บริหารฝีมือดี
สุขุม และเยือกเย็น ตอนนี้กลาบกลายเป็นเพียง
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีแต่อารมณ์แห่งการสูญเสีย
“ค่ะ เนยจะรอคูจัง”
จิรวดีได้แต่เก็บซ่อนความเสียใจพยายามส่งคนสำคัญด้วยรอยยิ้ม
“ทุกๆวันที่7เดือน7 เป็นวันทานาบาตะ
วันที่โอริฮิเมะกับฮิโกโบชิที่ถูกพรากจากจะได้มาเจอกัน เรา
มาเขียนคำอธิฐานกัน ขอให้เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันไวๆเหมือนเดิม
คูเชื่อนะ เชื่อในวันทานาบาตะ”
สองมือที่เย็นเฉียบบรรจงจับมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้เบาๆ
“เนยก็เชื่อค่ะ” หญิงสาวฝืนยิ้มทั้งที่นัยน์ตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำ
“คูรัก เนจังนะ
รักมากที่สุด”
จุมพิตสุดท้าย
แม้นจะเกิดขึ้นท่ามกลางสายตามากมายของผู้คนที่เดินผ่านไปมาในสนามบิน
แต่วินาทีนี้เธอไม่สนใจใครอีกแล้ว ในใจได้แต่ภาวนาให้เวลาหยุดนิ่งลงตรงนี้
เพื่อจะไม่ต้องพลัดพรากจากกันเพื่อจะได้อยู่กับคนที่รักตลอดไป......
........................................................................................................................
7 กรกฏาคม เวียนมาครบรอบปีที่4แล้ว
ต้นไผ่ที่แตกกิ่งก้านชูลำต้นสูงใหญ่อยู่ในสวนยังคงถูกใช้เป็นที่เขียนกระดาษที่บรรจุความปรารถนาอันเปี่ยมล้นเหมือนเดิม
ใบหน้าสวยเงยขึ้นมอง
แผ่นกระดาษหลากสีสันมากที่ที่ถูกมัดไว้ตามกิ่งก้านสาขาของไผ่ต้นนี้
ทุกอันเต็มไปด้วยำอธิษฐานและความปรารถนาของเธอทั้งสิ้น
.....
อยากให้อยู่ด้วยกัน...
..อยากเจอ....... ...อยากพบ......
.....หากได้เจอจะกอดเอาไว้แน่นๆไม่ให้หายไปอีกแล้ว...
อยากจะย้อนเวลากลับไป....แก้ไขเรื่องทั้งหมด
.....อยากเจอ....เหลือเกิน...
ร่างเล็กในชุดวันพีชสีขาวทรุดตัวลงบนพื้นที่ปูด้วยหินอ่อนซึ่งรอบๆตัวเธอยังมีกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
นันย์ตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำ
.............
ไม่ว่าปีนี้จะเขียนอะไร
....ก็ไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้เลยเหรอ....
.....คูจัง.........
........................................................................................................................
…หญิงสาวตัวสูงในชุดเสื้อโค๊ทสีดำสนิท
ใบหน้าสวยถูกปกปิดด้วยแว่นสีชา
เรียวปากบางเผยยิ้มเมื่อมองดูกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานมากมายที่ผูกติดไว้กับต้นไผ่ในสวนแบบญี่ปุ่น
มือขาวซีดเอื้อมไปละใบไผ่เบา
“คุมิโกะซามะ
ได้เวลาไปพบท่านอาวุโสแล้วครับ” ชายหนุ่มร่างกำยำในชุดสูทสีดำสนิทสวมแว่นดำที่ยืนคอยอยู่ข้างบอกเสียงเรียบ
เธอเพียงแต่พยักหน้ารับ
“โชทาโร่ซัง
เชื่อเรื่องตำนานวันทานาบาตะไหม”
“เชื่อครับ” ชายหนุ่มนิ่งไปก่อนจะตอบออกมา
มือเรียวจึงเลื่อนขึ้นมาถอดแว่นสีชาออก
ใบหน้าสวยมองกิ่งก้านสาขาของต้นไผ่ที่มีกระดาษเขียนคำอิษฐานผูกเอาไว้เต็มไปหมด
“ฉันก็เชื่อ....”
........................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น