02
แผนร้ายฉบับยัยแอ๊บตัวแม่
............................................................................................................
ไม่ดี
ไม่ดี ไม่ดี ไม่ดีแน่!
จะทำยังไงกับยัยหัวแดงแรงสุดๆนั่นดี ความลับของเราเชียวนะความลับ!
ขืนยัยนั่นปากมากไปทุกคนต้องรู้แน่ๆว่าเราเป็นยังไง ไม่
จะปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
“ไม่กินตอนร้อนๆระวังไม่อร่อยนะเออ” ทิพย์สาวหน้าหมวยบอกเมื่อเห็นคนหน้าหวานนั่งเหม่อมองเนื้อย่างในจาน
“อะอืม
ฟาคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ” ฟายิ้มก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อย่างอุ่นๆมาจิ้มน้ำจิ้มรสเด็ด
“ฟานี่น่ารักดีเนอะ” มิน
สาวห้าวประจำกลุ่มมองใบหน้าใสๆแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ผู้หญิงด้วยกันชมนี่นะ
ไม่เห็นจะน่าดีใจตรงไหนเลย ห้าวยังงั้นเป็นทอมรึเปล่าก็ไม่รู้
โรคจิต!
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มหวานๆทำเอาคนชมยิ้มตาม
“ น่ารักขนาดมัดใจผู้หญิงด้วยกันได้เลยน๊า” มินได้ทีหยอดคำหวานใส่
“อย่ามา” ทิพย์รีบพูดดักทางคนเจ้าชู้ขึ้นมาทันที
“ไรๆป้าทิพย์” มินหรี่ตาใส่
“ใครป้าแก
เดี๋ยวปั๊ดโทรไป บอกพี่จูนซะนิ ว่าไอ้มินกำลังคิดไม่ซื่อจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด” พูดไม่พูดเปล่าสาว
หมวยหยิบมือถือเครื่องจิ๋วออกมาจากกระเป๋าถือเตรียมกดโทรออกจริงๆ
“เฮ้ย! อย่านะเว้ย
ยังไม่ทันทำไรเลย โด่ๆ ก็ฟาเค้าน่ารักอ่า
ชมแค่นี้ไม่ได้รึไง”
ได้ผลนักแล
เจ้าตัวดีรีบแก้ตัวใหญ่ ท่าทีร้อนลนรีบกลบเกลื่อนเรียกเสียงหัวเราะได้รอบโต๊ะ
“ดูสนิทกันดีจังเลย” ฟาบอกยิ้มๆมือก็จิ้มสลัดผักไปด้วย
แต่นัยน์ตาสีดำหรี่ลงมองมินกับทิพย์
“อืม
ก็จบม.ปลายที่เดียวกันมาน่ะ
ทิพย์มาสอบเข้าที่นี่เพราะอยากเรียนจริงๆแต่คนบางคนแถวนี้จงใจมาเรียนที่นี่เพราะอยากอยู่ใกล้ๆแฟน”
“เงียบเลยป้า
เผากันระยะประชิดเลยนะเฟ้ย”
ดีเนอะมีเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน
น่าอิจฉา
“ดีจังเลย
ฟาอยากสนิทกับทุกคนไวๆจะได้เป็นเพื่อกลุ่มเดียวกันแบบนี้บ้าง” สาวหน้าหวานโปรยยิ้ม
“น่ารักๆอย่างฟา
ไอ้มินมันรีบสนิทด้วยเลยเหอะ หางกระดิก”
“โหย งอลแล้ว” มินค้อนใส่ทิพย์หลายทีจนเพื่อนๆหัวเราะ
ท่ามกลางเสียงเฮฮาสนุกสนานกลางวงหมูกระทะ
ฟากำลังนั่งคิดบางอย่างด้วยสีหน้าจริงจัง
นั่นสินะก็เราน่ารัก
ใครๆก็ชอบ ตอนม.ปลายลองไปอ่อยๆพี่เรย์ผู้หญิ้งผู้หญิงแท้ๆยังจีบได้เลย
แต่จะให้มีแฟนเป็นผู้หญิงจริงๆไม่เอาด้วยหรอก ประหลาดตายเลย
แล้วยัยมิ้นอะไรนั่นล่ะ
ก็แค่ทำตัวแรงๆลองอ่อยใส่เข้าน้อยจะเป็นไง? แม่จะป่วนให้หลงหัวปักหัวปำเลย
คอยดูเถอะ!
........................................................................................................................
สาวสวยจามแล้วจามอีก
อาการน่าเป็นห่วงจนต้องยกมือขึ้นทาบหน้าผากตัวเอง
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา
จามแบบนี้รึจะมีคนนินทาอยู่ อ่ะ ช่วยไม่ได้ก็คนมันฮอ นี่นะ” มิ้นหัวเราะกับความคิดตัวเอง
“คุณหนูคะ
อาหารเย็นเตรียมเสร็จแล้วค่ะ” หญิงวัยกลางคนร่างท้วมในชุดเมดกระโปรงยาวสีดำคาดผ้ากันเปื้อนสีขาวเดินมาบอก
คุณหนูของบ้านที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก
“ค่า
จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
เจ้าของผมสีเพลิงในชุดอยู่บ้านสบายๆด้วยเสื้อยืดแขนสั้นพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดสามส่วนจึงลุกจากโซฟา
หญิงสาวเดินผ่านห้องโถงที่ประดับตกแต่งไปด้วยรูปภาพของชายผมแดงในชุดนักโบราณคดีสีกากีกับทีมงาน
แต่ละภาพที่ประดับบนกำแพงแสดงถึงเรื่องราวการทำงานสำรวจโบราณสถานที่ต่างๆของเขาได้เป็นอย่างดี
นัยน์ตาสีเทาอมดำมองรูปผู้เป็นพ่อพลางถอนหายใจออกมา
แล้วเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร
โต๊ะไม้ฉลุรายคลาสสิกมีเก้าอี้ไม้เข้าชุดประดับไว้4ตัว
บนโต๊ะมีกับข้าวคาวหวาน ทั้งทอดมันกุ้งกับน้ำจิ้มบ๊วย
แกงเผ็ดไก่บ้าน ยำวุ้นเส้น ผัดผักรวมจานใหญ่ และข้าวสวย
แถมยังมีของหวานเป็นบัวลอยแก้วไว้ตบท้ายมื้อนี้อีกด้วย
“ทำซะเยอะขนาดนี้มิ้นกินไม่หมดหรอกค่ะ” คุณหนูคนสวยหัวเราะ
“คนครัวเค้าก็ทำไว้ตามตารางอาหารที่คุณผู้หญิงสั่งไว้น่ะค่ะ”
มิ้นหัวเราะหึหึ
ตั้งแต่เด็กๆแล้วที่ลูกสาวคนนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้าพ่อกับแม่ซักเท่าไร
ตระกูลแฮนเดรย์เป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นเจ้าของกิจการใหญ่ๆในออสเตรีย
แต่บิดากลับชอบผจญภัยจึงเป็นนักโบราณเพื่อเดินไปทางไปเรื่อยๆไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
เท่าที่จำได้เธอกอดพ่อครั้งล่าสุดก็เมื่อ5ปีมาแล้วนอกจากนั้นมักพูดคุยกันผ่านอินเตอร์เน็ตไม่ก็โทรศัพท์ทางไกล
ถ้าช่วงไหนที่บิดาไปทำงานยังที่ทุระกันดารห่างไกลก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกันเลย
ส่วนแม่ก็เป็นเลขาและล่ามของนักการทูตไทยประจำฝรั่งเศสซึ่งต้องไปทำงานอยู่ที่นั่น
ยังดีที่สามารถลาพักร้อนกลับมาเมืองไทยได้ปีละครั้ง
แม้นไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่แม่ก็มีวิธีเพื่อดูแลลูกในแบบฉบับตัวเอง
อย่างตารางอาหารที่โภชนาการครบ5หมู่ที่สั่งให้คนครัวทำทุกวันถือเป็นผลงานเอกชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว
ฉะนั้นบ้านกว้างๆหลังนี้จึงมีทั้งพ่อบ้าน แม่บ้าน
คนครัว เพื่อดูแลคุณหนูมีนชญานั่นเอง
หลังมื้อค่ำผ่านไป
มิ้นใช้เวลาอยู่กับสมุดบันทึกรายชื่อเพื่อนที่รุ่นพี่ให้ไปล่าข้อมูลเพื่อนร่วมเอกมา
นิ้วเรียวพลิกหน้ากระดาษเพื่ออ่านและจำชื่อเพื่อนๆไปเรื่อยๆ
จู่ๆมือถือเครื่องจิ๋วก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
นัยน์ตาสีเทามองเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยแล้วหรี่ตาลงก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย
“ฮาโหล....”
เสียงเรียบกรอกไปตามสายแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ส่วนคนที่อยู่ปลายสายได้แต่นิ่งฟังว่าตัวเองโทรมาถูกเบอร์หรือเปล่า
“ฮาโหลๆ...”
ยังเงียบอีกตามเคยจนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด
ฝ่ายสาวหน้าหวานเริ่มมั่นใจมากขึ้น
เพราะเสียงแหลมๆฟังดูเชิดๆอย่างนี้บอกยี่ห้อเลยว่าเป็นยายหัวแดงแรงสุดๆแน่นอน
“โรคจิต....”
คราวนี้สาวสวยกรอกเสียงกัดจิกลงไปเต็มที่
จนมีเสียงดังโครมครามดังมาจากปลายสาย
กรี๊ดดดด...!!!
ฟากรี๊ดลั่นความโมโหอยู่ในใจ
แก้วน้ำพลาสติกลายการ์ตูนกลิ้งหายเข้าไปใต้เตียง
ตามมาด้วยมือเล็กๆที่กำแน่น ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันด้วยความเจ็บใจ
“มะ..ไม่ใช่ซักหน่อย
นะ..นี่เบอร์ฟาเองนะ”
เสียงใจละล่ำละลักพูดติดๆขัดๆ
“ฟา? ฟาไหน” มิ้นหรี่ตาลงยกมือถือแนบหู
ชื่อก็คุ้นๆหรอกแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกว่าฟาไหน
คำพูดตรงๆทื่อๆกลับทำให้เจ้าของชื่อแทบกระทืบเท้าดิ้นตายอยู่ตรงนั้น
...กวนประสาทชัดๆ
ยัยนี่ต้องกวนประสาทกันแน่ๆ ในเมื่อคนทั้งเอกแทบจะรู้จักเธอกันหมดแล้ว
ทำไม ยัยหัวแดงนี่ถึงลืมชื่อคนดังขนาดนี้ได้กัน
“ฟา กุลธิดา ไงจ๊ะ” หน้าหวานๆที่เจือด้วยความหงุดหงิดพยายามบีบเสียงให้ฟังดูดีที่สุด
สาวสวยยกมือขึ้นกระดิกนิ้วไปมาในอากาศก่อนดีดเบาๆ
“อ๋อ
พวกชอบใส่หน้ากากนี่เอง”
เจอคำพูดตรงๆชนิดหมัดตรงเข้ากระแทกใจทำเอาฟาแทบอยากจะขว้างมือทิ้งไปซะเดี๋ยวนี้เลย
แต่ก็ต้องทนไว้เดี๋ยวแผนที่วางไว้จะพังหมด
...
หึ
ต้องใจเย็นเข้าไว้ๆๆ คิดว่าตัวเองแรงเป็นคนเดียวรึไง
เดี๋ยวจะได้รู้ว่าคนอย่างฟา เป็นยังไง!
........................................................................................................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น