ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์เต็ม ความอบอุ่นที่ได้รับค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นมาในใจของอาคิรามากขึ้นๆ หมอแอมเป็นคนอ่อนโยน ยิ่งอยู่ใกล้เธอก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับผู้หญิงคนนี้มากขึ้นทุกทีๆ ใครได้อยู่ใกล้คงไม่ยากเลยที่จะหลงรักความอ่อนโยน ความใจดีความอบอุ่นที่มีให้กับผู้คนรอบข้าง มีมากจนบางครั้งเธอก็รู้สึกอิจฉาคนพวกนั้น อยากจะเก็บรอยยิ้มหวานๆ ความใจดีที่หมอแอมมีให้ใครต่อใครเป็นของเธอคนเดียว แต่นั้นก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และในบางครั้งเธอก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเป็นไปได้อย่างไรที่ตลอดระยะเวลาที่เธอได้รู้จักแพทย์สาวผู้นี้ จะไม่มีชายหรือหญิงคนไหนเข้ามาจีบเลย และนั่นคงไม่ได้ต่างอะไรจากแอมเช่นเดียวกัน ตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่กับสาวหน้าหวาน ความร่าเริง สดใส ที่มีอย่างมากมายเหลือเฟือในผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ ทำให้เธอมีความสุข เธอมักจะนั่งเหม่อมองนาฬิกาที่ผนังว่า ใกล้เวลาที่จะต้องไปรับสาวหน้าหวานได้แล้วหรือยัง จนตัวเองนึกสงสัยว่าคงจะหลงสเน่ห์สาวขี้เล่น คนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว
“วันนี้น้องอายต้องไปไหนรึเปล่าค่ะ” แอมถาม ขณะที่อายกำลังขะมักขเม้นท่องบทละครเวทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อืม ไม่มีค่ะ อีกอย่างอาทิตย์หน้าก็ต้องเริ่มซ้อมจริงแล้วอายยังไปไม่ถึงไหนเลย” อายตีหน้าสลด เมื่อเห็นไอ้เจ้าปึกกระดาษเอสี่ ที่เธอเพิ่งจะจดจำได้ไม่ถึง10หน้ากระดาษ แถมยังจำผิดๆถูกๆอีกต่างหาก
“ใจเย็นๆนะค่ะอย่าหักโหมเลย พี่แอมว่าน้องอายน่าจะพักบ้างนะคะ”แอมแนะขณะเลี้ยวรถผ่านสี่แยกไฟแดง
“ก็อยากอยู่หรอกค่ะ แต่ทำไงได้ละคะ” อายเบ้หน้าน้อยๆ แล้วยกเจ้าปึกกระดาษเอสี่ให้แอมดู
“น้องอายพยายามถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าจะพักซักหน่อย พี่ว่าก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ พักซักหน่อยจะดีกว่านะคะ เน๊อะข้าว” แอมอมยิ้มพูดปลอบใจอายที่ยังตั้งหน้าตั้งตาท่องบทต่อไป พร้อมถามความเห็นเจ้าหลานชายของสาวหน้าหวาน
“ช่ายๆหมองอย่างอาอายอะรีบไปก็เท่านั้น ข้าวว่า เราไปเที่ยวกันดีกว่า พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย” เจ้าตัวดีออกความเห็น ความจริงแล้วแอมรู้ว่าอายเป็นคนดื้องีบ เพราะฉนั้นเธอจึงเตรียมกับหลานชายตัวน้อยของอายแล้วว่าจะให้อายได้พักจากการท่องบทอันแสนเคร่งเครียดนี้ในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ก่อนที่อาร์มจะกลับมาในเย็นวันอาทิตย์นี้แล้ว
“หาเรื่องเที่ยวละสิไม่ว่า เจ้าตัวแสบ” อาคิราค้อนขวับให้ต้นข้าวทันทีที่เจ้าตัวดีพูดจบ
“โห้ย....ไรอะ เรื่องของตัวเองแท้ๆ ข้าวกะคุณหมอแอมอุส่าห์เป็นห่วง กลัวจะหมองแตกไปซะก่อน พูด งี้นะเออ...จำว้าย” เจ้าตัวดีพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แล้วค้อนขวับให้อาสาว ไม่รู้ไปจดจำนิสัยและท่าทางแบบนี้มาจากไหน สงสัยจะคนใกล้ตัวล่ะสิ
“ย่ะๆ ก็ใครไปว่าอะไรเล่า ก็ได้พักมั่งก็ดีชั้นก็มึนเหมือนกัน” แล้วอาคิราก็ต้องยอมจำนนต่ออาการของหลานชายตัวเล็ก เธอปิดเจ้าบทละครปึกหนาลงอย่างเบื่อหน่าย แล้วถอนหายใจเหนื่อยอ่อน
“ตกลงว่าพักนะคะ งั้นพรุ่งนี้เราไปไหนกันดี” แอมอมยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคิด เธอหันไปหลิ่วตาให้ต้นข้าวที่หันมายิ้มให้เธออย่างรู้กัน
“แล้วแต่พี่แอมเถอะคะ อายยังไงก็ได้อยู่แล้ว” อายบิดขี้เกียจ พร้อมปิดปากหาว
“ไปดูหนัง ไปหาหนมกิน แล้วก็....ไปสวนสนุก” เสียงออกความเห็นออกจากริมฝีน้อยๆของต้นข้าวและน้องเมย์ดังลั่น ดูเหมือนว่าคนที่รู้สึกสนุกที่สุดและได้พักจริงๆคงจะไม่ใช่อาคิราแล้วละ ดูท่าจะเป็นเด็กตัวจ้อย ที่นั่งอยู่เบาะหลังทั้งสองคนมากกว่า
“ไปไหนก็ไปย่ะ หวังว่าชั้นคงได้พักนะเจ้าตัวดี” พูดจบก็ส่งค้อนน้อยๆมาให้หลานชาย แอมหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของสองอาหลาน และน้องเมย์ที่เริ่มจะสนิทกับอายและต้นข้าวร่วมผสมโรงไปด้วยอีกคน
“สรุปว่าไปไหนกันดีคะ” แอมถามอีกครั้งเมื่อจอดรถสนิทและเจ้าสองตัวยุ่งก็ลงไปจากรถแล้ว
“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”
“จริงๆแล้วอยู่กับบ้านเฉยๆแค่มีพี่แอมอยู่ด้วยก็เหมือนอายได้พักแล้ว” อาคิราพึมพำบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้แอม
“งั้นก็ตามใจสองคนนั้นแล้วกันนะคะ” อายอมยิ้มบอกสาวหน้าหวาน
“เรื่องพักของอายนี่ จริงๆแล้วเพราะเจ้าตัวดีอยากเที่ยวมากกว่าใช่มั้ยคะเนี่ย” อาคิราบ่นเบาๆแล้วเดินตามร่างเพรียวของหมอแอมที่หัวเราะขำๆเมื่อเห็นหน้างอๆของอาย
เช้าวันเสาร์อันแสนสดใสอากาศดีสุดๆเหมาะกับการออกไปไหนต่อไหนในความคิดของใครบางคน แต่กับบางคนกลับคิดว่าการได้ซุกตัวนอนโดยไม่ต้องไปไหนใต้ผ้าห่มผืนอุ่นดูจะมีความสุขมากกว่าเสียนี่
“อาอายตื่นๆ อาอายตื่นไปอาบน้ำ” เสียงเล็กๆของต้นข้าวเริ่มรบกวนการนอนอันแสนสุขของอาคิราเสียนี่ เธอยังคงไม่ขยับไปไหน จนหลานชายตัวจ้อยต้องหาวิธีอื่นรบกวนการนอนของอาสาวขี้เซาคนนี้เสียแล้ว เจ้าตัวเล็กค่อยๆไต่ขึ้นเตียงที่ยังมีร่างของอาคิราซุกหน้าอยู่ใต้หมอนใบโตแล้วจึงเริ่มกระโดด!!!!
“บอกให้ตื่นๆตื่นเดียวนี้” เจ้าตัวดีกระโดดไปตะโกนไป จนคนตัวเล็กอดรนทนไม่ไหวในที่สุดจำใจต้องลืมตาเพราะการรบกวนอันแสนร้ายกาจของหลานชาย
“แว๊ก...ยุ่งจริงโว้ย” อาคิราปรือตาตวาดเจ้าตัวเล็ก แล้วคว้าหมับเข้าที่พุงกลมๆของเจ้าตัวดี แล้วจัดการจี้แก้แค้นให้สมใจ
“ยุ่งนักใช่มั้ยนี่แน่ะๆ” ต้นข้าวดิ้นพล่านๆตัวงอ
“ก็ปลุกดีๆม่ายอมตื่นนี่” ต้นข้าวประท้วง หัวเราะตัวงอเพราะถูกสาวหน้าหวานแกล้ง
“นี่แน่ะ ไม่รู้ล่ะ นี่แน่ะๆ” อาคิรายิ้มแล้วจี้ลงไปที่พุงป่องๆของต้นข้าวอย่างมันส์มือ
“แว๊ก....หยุ๊ด..ข้าวบอกให้หยุ๊ด” เจ้าตัวเล็กโวยวายเสียงดังหนักกว่าเดิม
“เล่นอะไรกันอยู่คะ สองอาหลาน” แอมที่กำลังแต่งตัวให้น้องเมย์ได้ยินเสียงเอะอะโว้ยวายออกมาจากห้องนอน ข้างๆจึงเดินมาดูด้วยความสงสัย แล้วก็พบว่าทั้งสองอาหลานกำลังก่อสงครามเล็กๆกันอยู่บนเตียง
“ช่วยข้าวด้วย..แว๊กๆ” เจ้าตัวดีเริ่มขอความช่วยเหลือ
“หาพวกเหรอ นี่แน่ะนี่แน่ะ”อาคิรายังไม่ยอมหยุดง่ายๆ เธอยังสนุกและหมั่นเขี้ยวกับการได้แกล้งหลานชายตัวจ้อยอยู่
“ตายแล้ว น้องอายพอได้แล้วค่ะ ดูทำเข้า” แอมยิ้มขำ เมื่อเห็นสองอาหลานฟัดกันนัวเนียอยู่บนเตียง
“แว๊กๆ” ต้นข้าวหลุดออกมาจนได้จากมือแมงมุม แล้วรีบวิ่งเร็วจี๋ไปหลบหลังคุณหมอคนสวย
“อาอายบ้า ชอบแกล้งข้าว” เจ้าตัวดีเบ้ปากแล้วแลบลิ้นใส่อาคิราที่นั่งหอบสภาพดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง อยู่บนเตียง
“เดียวเห๊อะ..ฟ้องนะฟ้อง” อาคิราว่าพลางหอบ มองหน้าเจ้าตัวดีที่ยืนแลบลิ้นให้เธออยู่หลังแอม
“ไปรอข้างล่างก่อนนะคะ ข้าว” แอมยิ้มบอกหลานชายสาวหน้าหวาน ต้นข้าวพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะหันมาแลบลิ้นทิ้งท้ายใส่อาสาวหน้าหวานอีกครั้งแล้ว วิ่งเร็วจี๋ลงไปชั้นล่าง
อาคิราถอนหายใจ แล้วหงายหลังล้มลงบนเตียงอีกครั้ง( ยังคิดจะหลับต่อ???? )
“น้องอายก็เตรียมตัวอาบน้ำได้แล้วนะคะ จะ10โมงอยู่แล้ว เดียวออกช้ากว่านี้รถจะยิ่งติดนะคะ” แอมยิ้ม นั่งลงบนเตียงนุ่มข้างๆอาคิรา
“ขออายอยู่เฝ้าบ้านไม่ได้เหรอค๊า” อาคิราหลับตาลงอีกครั้งแล้วพลิกตัวกอดหมอนใบโตแน่น น้ำเสียงงัวเงีย บ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่อยากไปไหนจริงๆ
“แล้วกัน ก็ไหนตกลงกันแล้วไงคะ มาค่ะลุกได้แล้วเร็วๆ” แอมอมยิ้ม แล้วพยายามรั้งแขนคนตัวเล็กที่ยังทำตัวเป็นมนุษย์ไร้กระดูกไม่ขยับเขยื้อนเสียที
“พี่แอมอ่า” อาคิรางัวเงียบ่นเสียงดัง ก่อนจะฝืนแรงเกร็งตัวนิ่งไม่ยอมลุก จนอีกคนที่กำลังดึงเสียหลักล้มลงทับอีกฝ่ายที่กำลังพลิกตัวกลับมาพอดี
“อุ๊ย” หมอแอมอุทาน เมื่อใบหน้าหวานๆของอาคิราอยู่ห่างไม่กี่นิ้ว จนเธอรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคนตัวเล็ก อาคิราโพลงตาโต หน้าแดงจัด เมื่อร่างเพรียวของคุณหมอคนสวยกำลังทับตัวเธออยู่
“อะ...เอ่อเออ ขะ...ขอโทษค่ะ” อาคิราหน้าตื่นพลางขอโทษที่ทำให้อีกคนต้องอยู่ในสภาพนี้
แอมไม่เอ่ยอะไรได้แต่ยิ้มน้อยๆให้ แล้วพยายามจะมองตาคู่หวานของคนตัวเล็กที่เธอทับอยู่ แต่อาคิราเองก็อายเกินกว่าจะมองตอบสายตาคู่นั้นของแอม คุณหมอคนสวยค่อยๆขยับเข้าใกล้อาคิรามากขึ้นอีก พวงแก้มสีชมพู ตรงหน้า ช่างน่า..... แอมนึก แล้วขยับเข้าใกล้มากขึ้นอีก
“อะ...อาบน้ำ อาบน้ำค่ะ อายไปอาบน้ำก่อนนะอาบน้ำๆ” อาคิราตกใจบอกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วดันตัวพรวดลุกขึ้น วิ่งจี๋หนีออกนอกห้องไป
แอมส่ายหน้ายิ้มน้อยๆเมื่อเห็นอาการของอาคิรา เธอลุกขึ้นแล้วจึงเดินไปที่ห้องของลูกสาวแทน
“ไป ไป ไปเที่ยวกัน” ต้นข้าวยิ้มร่าเกี่ยวก้อยจูงมือน้องเมย์ขึ้นรถ ในขณะที่แอมเองกำลังเช็คความเรียบร้อยในบ้านก่อนจะปิดประตู
เหตุการณ์เมื่อเช้าทำเอาอายใจสั่น ทำตัวไม่ถูก ยามมองหน้าหมอแอมเมื่อไร เป็นต้องนึกถึงริมฝีปากบางๆของหมอแอมทุกที แล้วใบหน้าของเธอก็จะเปลี่ยนสีเอาดื้อๆ
“ตกลงว่าจะไปไหนกันดีจ๊ะ ต้นข้าว” แอมยิ้ม มองหน้าหวานๆของสาวตัวเล็กที่นั่งข้างๆ วันนี้ อาคิราก็แต่งตัวหน้ารักเหมือนในทุกๆครั้งที่เธอเจอ ผมยาวประบ่าถูกปล่อยออกเป็นอิสระ ใบหน้าหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางปกปิด เอี้ยมยีนส์สีน้ำเงินกับเสื้อยืดสีเหลืองดูทะมัดทะแม่ง เหมาะกับสาวหน้าหวานไปอีกแบบหนึ่ง แอมยิ้มแล้วจึงสตาท์รถ
“.สวนสนุกค๊าบบบบไป ไป โก โก” เจ้าตัวดียิ้มร่าเริงบอกเสียงดัง
“โอเคจ้า แต่ใกล้เที่ยงแล้ว แวะทานข้าวกันก่อนดีมั๊ยค่ะ น้องอาย” แอมถามความเห็นคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ
“กะ....ก็ดีค่ะ” อาคิราหันมาตอบเบาๆ
เกือบเที่ยงวันทั้งสี่ชีวิตจึงหลุดออกมาจากการจราจรอันแสนคับคั่งของเมืองหลวงมานั่งพักเหนื่อยในร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยนกลางห้าวสรรพสินค้าชื่อดัง อาคิรานั่งข้างหมอแอมส่วนเจ้าตัวดีทั้งสองคนก็นั่งด้วยกัน
“ทานอะไรกันดีคะเด็กๆ” แอมเอ่ยถามรวมถึงอาคิราด้วย
“น้องเมย์เอาอันนี้ กะอันนี้” เด็กหญิงตัวจ้อยพูดเสียงใสพร้อมจิ้มไปบนรูปภาพในเมนูอาหารให้คุณแม่คนสวยดู
“ต้นข้าวล่ะคะ ทานอะไรดี” แอมถามเจ้าตัวซนอีกคนที่นั่งข้างๆ
“อะไรก็ได้คับ ข้าวโตแล้ว ทานได้หมด” เจ้าตัวดียิ้มกว้างอย่างภาคภูมิแล้วบอก หมอแอมไป
“โตแล้ว.??..โตแล้วตายเลย เราน่ะพอเห๊อะ” อาคิราเบ้ปากแซวหลานชายตัวเล็กที่หลังจากถูกหักหน้าก็ส่งสายตาค้อนประหลับประเหลือกมาให้อาสาว จนแอมอดหัวเราะกับท่าทางของสองอาหลานคู่นี้ไม่ได้
“โอเคค่ะ งั้นเดียวพี่แอม เลือกให้แล้วกันนะ” แอมยิ้มบอกต้นข้าว แล้วหันไปมองสาวหน้าหวานบ้างว่าอยากทานอะไร
“อะไรก็ได้ค่ะ”อายยิ้มบอกคุณหมอคนสวยที่นั่งข้างๆเบาๆ
“อะโด่ ว่าแต่เค้า ชิ” เจ้าตัวดีค้อนใส่เข้าให้มั่ง
ระหว่างรออาหาร ทั้งสองสาวก็นั่งฟังวีรกรรมขี้โม้ของเจ้าข้าวรวมถึงแพลนที่ว่าไปถึงสวนสนุก จะทำอะไรกันบ้าง โดยที่อาคิราคอยเบรกความขี้โม้ของเจ้าข้าวไว้เป็นพักๆเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ครื้นเครงได้เป็นอย่างดี
จนกระทั่ง สายตาคู่หวานของอาคิราเหลือบไปมองกระจกใสหน้าร้าน แล้วเห็นร่างสูงเพรียวที่ดูคุ้นตา จนทำให้เธอต้องนึกถึงใครบางคน
“ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ใช่หรอก” อาคิราคิด ขณะพยายามจ้องร่างเพรียวที่เดินผ่านหน้าร้านไปอย่างรวดเร็วจนเธอเห็นเพียงด้านหลังไวไว อาคิราขมวดคิ้วใช้ความคิด สีหน้าเครียดจนคนข้างๆสังเกตเห็น
“เป็นอะไรรึเปล่าคะน้องอาย” แอมเอื้อมมือไปคว้ามือเล็กๆของอายแล้วบีบเบาๆให้คนตัวเล็กที่กำลังใช้ความคิด สะดุ้งตกใจ รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน
“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ..” อายรีบบอกปัด หันมาสนใจอาหารที่เพิ่งมาเสิร์ฟตรงหน้าแทน
“ทำไมถึงได้เหมือนขนาดนั้น หรือว่าพี่แพรกลับมาแล้ว” ความคิดเริ่มสับสนและเริ่มรุกรานหัวใจของเธออีกครั้งทั้งที่ควรจะลืม ควรจะไม่สนใจแล้วแท้ๆ แต่เธอกลับยังละสายตาจากกระจกหน้าร้านไม่ได้อยู่ดี ความตื่นเต้นที่รุกเร้าภายในใจของเธอมันคืออะไรกันแน่ เธอพยายามจะสลัดภาพของผู้หญิงในชุดสีดำที่เธอเห็นเพียงด้านหลังไวไวอย่างยากลำบาก
“น้องอายคะ น้องอาย”แอมเรียกอาคิราที่เหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อีกครั้ง อาคิราไม่ยอมทานอะไรเสียทีเอาแต่เหม่อและใช้ส้อมเขี่ยอาหารในจานไปมา
“ค..คะๆ” อาคิราสะดุ้งตอบ
“มีอะไรรึเปล่าคะ” แอมถามด้วยความเป็นห่วงยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสาวหน้าหวาน อยู่ดีๆก็เกิดนั่งเหม่อขึ้นมาและมีสีหน้าคิดหนักอย่างไม่มีเหตุผล
“ปะเปล่าค่ะ อายแค่....แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเรื่องละครเวทีนะค่ะ” อาคิราปดคำโตไม่อยากให้หมอแอมต้องเป็นกังวลกับเรื่องของเธอไปด้วย อีกอย่างเธอก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้หญิงที่เห็นเพียงด้านหลังเมื่อกี้ ใช่แพรวาอย่างที่คิดหรือเปล่า
“คุณแพรวาเชิญด้านนี้ครับ” เจ้าของร้านอาหารจีนรายใหญ่ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังผายมืออย่างนอบน้อมให้แพรวา คนที่กำลังพูดคุยจอแจอยู่ที่โต๊ะอาหารทั้งหมดหันมามองเธอและเงียบเสียงลง เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วเข้าไปภายในภัตรคารหรู วันนี้ก็ยังวุ่นวายเหมือนเช่นทุกๆวัน ตั้งแต่เธอกลับมาจากเมืองนอก เวลาหยุดพักก็แทบไม่มี เนื่องจากผู้กุมอำนาจธุรกิจในเครือโรงแรมรายใหญ่ที่สุดของประเทศอย่างคุณพ่อของเธอไม่สามารถทำงานได้ ภาระทั้งหมดจึงตกเป็นของทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเธอเพียงผู้เดียว
“ตามสบายค่ะ” แพรวาเอ่ยเบาๆแล้วนั่งลงที่เก้าอี้กำมะหยี่สีแดงหรู อาหารสไตล์จีนแท้ๆและอาหารฟิวชั่น ถูกนำออกมาเสิฟร์มากมายพร้อมเสียงของบรรดานักธุรกิจใหญ่ ในเครือบริษัทลูกของโรงแรมเธอพูดคุยกันจอแจ
โดยที่คงไม่มีใครทันได้สังเกตแววตาที่ดูเหม่อลอยของเธอเลย สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพียงเพราะคำว่าหน้าที่ และเพื่อคุณแม่ อันเป็นสิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเธอไว้ ถ้าสิ้นมารดาไปซักคน ทุกอย่างคงไม่ออกมาเป็นแบบนี้ แพรวายังนึกถึง สาวหน้าหวานแทบจะตลอดเวลา แต่ด้วยตารางการประชุม ที่แสนจะแน่นเอียด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำแล้ว ไหนจะต้องคอยรบรากับบรรดาเมียน้อยของพ่อเธอหลายๆคนแล้ว เวลาในวันหนึ่งๆก็แทบไม่เพียงพอสำหรับเธอ
“คุณแพร ลองนี่สิครับ” ชายหนุ่มนักธุรกิจใหญ่หน้าตาหล่อเหลาฉีกยิ้มหวานเยิ้ม พร้อมตักของที่หน้าตาเหมือนข้าวผัด ใส่จานของเธอ แพรวายิ้มรับตามมารยาทพร้อมกล่าวขอบคุณ แต่เธอก็ไม่แตะต้องมันเลยซักนิด
“ขอตัวสักครู่นะคะ” แพรวาเอ่ยบอกทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนจะปลีกตัวเดินเข้าห้องน้ำไป เธอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พลางมองภาพของตัวเองในกระจกบานโตในห้องน้ำ แล้วเริ่มคิดว่าเธอมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองแล้วแท้ๆว่า หลังจากเรียนจบเธอจะรีบกลับมาหาผู้หญิงที่เธอรักมากที่สุด มาขอโทษมาสารภาพทุกอย่าง มาตามหาหัวใจของตัวเองคืน แล้วนี่ทำไมเธอถึงมายืนมองตัวเองอย่างน่าสมเพส ในร้านอาหารหรูพร้อมกับนักธุรกิจรายใหญ่ของประเทศมากมายขนาดนี้
แพรวาสูดลมหายใจลึกเข้าปอดอีกครั้ง แล้วจึงตัดสินใจเดินออกไปด้านนอก เธอต้องรีบจัดการเรื่องธุรกิจของทางบ้านให้เรียบร้อย จะได้มีเวลาเป็นของตัวเองซักที
“พะ...พี่แพรใช่มั้ยคะ ใช่พี่แพรวาหรือเปล่าคะ” เสียงเล็กๆเรียกเธอไว้ จนเธอต้องหันไปสนใจ
“อ้าว....นัท นัทเหรอ” เธอยิ้มเมื่อเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญเจอหน้าห้องน้ำ
“อ่ะ ใช่พี่แพรจริงๆด้วย....ดีใจจังค่ะ คิดว่าทักคนผิดซะแล้ว” หญิงสาวยิ้มกว้างดีใจที่เธอทักคนไม่ผิด
“นัทมาทำอะไรแถวนี้เหรอ” แพรวาเอ่ยถามหลังจากได้เจอรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“มาช้อปปิ้งน่ะค่ะ พอดีหิวเลยแวะหาอะไรทาน บังเอิญจังนะคะ ไม่คิดว่าจะได้เจอพี่แพร....” นัทยิ้มตาหยีให้รุ่นพี่ด้วยความดีใจ
“ดีจังนะ พี่อยากมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างจัง” แพรว่าบ่นพึมพำเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้รุ่นน้อง
“พี่แพร....” นัทรู้สึกสงสารรุ่นพี่ขึ้นมาจับใจ เรื่องราวความเป็นมาของแพรวา เธอเองก็เป็น หนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่รู้ดี
“งั้น...นัทก็ตามสบายนะ เดียวพี่คงต้องกลับไป....” แพรวาปรายตามองโต๊ะอาหารใหญ่ในห้องVIPที่มีนักธุรกิจมากมายนั่งทานอาหารกันอยู่ “อะเออ....เดียวค่ะพี่แพร..เอ่อ....” นัทลังเลว่าควรจะชวนแพรวาคุยต่อดีไหม จริงๆตัวเธอเองก็พอได้ข่าวคราวจากเพื่อนๆบ้างว่าแพรวากลับมาจากอังกฤษแล้ว และตัวเธอก็รู้สึกดีใจมากที่ได้รับรู้ข่าวดีนั้น และยิ่งรู้สึกดียิ่งขึ้นเมื่อคนที่เธอกำลังนึกถึงอยู่นั้นปรากฏให้เห็นเสียนี่
“หือ...” แพรวาชะงักเท้าหันมามอง
“อะเออ.....คือพี่แพรสบายดีนะคะ” บ้าจริง นัทนึก คนที่อยากเจออยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆดันถามอะไรงี่เง่าแบบนั้นออกไปได้ แล้วนี่จะได้เจอแพรวาอีกเมื่อไรก็ไม่รู้
“ก็....ถือว่าโอเคในระดับหนึ่งล่ะนะ....แล้วนัท” แพรยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเสียงนุ่มทุ้มทักขึ้นก่อน
“คุณแพรครับ เชิญทางนี้หน่อยครับ” เสียงนุ่มๆของนักธรุกิจหนุ่มดังขัดจังหวะขึ้นให้แพรวาต้องหันไปมอง
“ค่ะ”แพรวายิ้มตอบเล็กน้อย แล้วจึงหันไปมองรุ่นน้องอีกครั้ง
“วันนี้ดูท่าจะไม่สะดวกแล้วล่ะนะนัท”แพรวายิ้มเกรงใจแล้วนึกอยู่สักครู่ เธอคว้ามือบางๆของรุ่นน้องที่อยู่ตรงหน้า หยิบปากกา รีบเขียนขยุกขยิกลงบนมือนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจะยิ้มให้อีกครั้ง
“มีอะไรก็ติดต่อมานะ....”แพรวายิ้มให้นัทที่กำลังยืนงงอยู่กับที่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบสาวเท้าตามหลังนักธุรกิจคนนั้นไป
“พี่แพร” นัทอมยิ้ม เธอมองแถวตัวเลขขยุกขยิกสิบหลักในมือซ้ำไปซ้ำมาก่อนกำมือแน่นแล้วจึงเดินออกไปจากที่นั้น ด้วยความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
>>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น