Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
 
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท

1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252  บาท

วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
  >>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
 
 
 

12.7.55

Captivated Clumsy 07

“อาอายเป็นยัย หน้าแดงแจ๋เย้ย” เจ้าตัวดีถามขณะที่ทั้งหมดขึ้นมานั่งอยู่บนรถคันสวยเป็นที่เรียบร้อย โดยที่ต้นข้าวและน้องเมย์นั่งอยู่เบาะหลัง ส่วนอาคิรานั่งข้างหมอแอม

“ปะป๊าว....ไม่ได้เป็นไร” อาคิราก้มหน้าอายงุด ไม่อยากจะเชื่อว่าคนข้างๆจะกล้าทำอะไรแบบนั้น เธอกำลังสับสนอย่างหนัก “คนดี...งั้นเหรอ” ทำไมหมอแอมถึงกล้าเรียกเธอด้วยคำๆนั้น แถมน้ำเสียงยังอ่อนโยน ราวกับว่าเธอและหมอแอมเป็นคู่รักกันอย่างนั้น อาคิราส่ายหน้าแรงๆเมื่อคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วทำไมคุณหมอถึงทำกับเธอแบบนี้ ทั้งๆที่ตัวเองก็มีลูกมีสามีแล้ว ทำไมต้องมาทำให้จิตใจของเธอสับสนไปมากกว่านี้ด้วย นี่ยังไม่รวมถึงการที่หมอแอมจงใจหอมแก้มเธอต่อหน้าคนอื่นอีก ยิ่งคิดอาคิราก็ยิ่งสับสน เธอจึงตัดสินใจสับสวิตซ์ตัวเองผลอยหลับไปในที่สุด

แอมหันมามองอาคิราเป็นพักๆ แม้ยามหลับใบหน้าหวานก็ยังมีแววเครียดอยู่ นึกขำไม่คิดว่าอายจะคิดมากถึงขนาดนี้

“คุณหมอคับ” เจ้าตัวดีหันมาเรียก
“หือว่าไงคะ ต้นข้าว” แอมมองกะจกหลัง มองเจ้าข้าวที่นั่งจ้องเธอตาแป๋ว
“คุณหมอชอบ อาอายใช่มั้ยคับ” เจ้าข้าวโพล่งคำถามตรงๆออกไปทันที
“เอ๋..ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะค่ะ” แอมอมยิ้ม กลับเป็นเจ้าหลานชายตัวดีของสาวหน้าหวานเสียอีกที่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ผิดกับคนข้างๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยซักนิด
“ทำไมต้นข้าวถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ” แอมซัก
“ก็เพราะคุณหมอแอม มองอาอาย เหมือนตอนที่พ่ออาร์ม มองคุณแม่ของข้าวไงคับ” เจ้าตัวเล็กช่างเจรจานัก
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” แอมอมยิ้มเด็กคนนี้ฉลาดนัก
“คับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าแล้วมองเธอเหมือนกำลังรอคำตอบ
“ค่ะ พี่แอมชอบอาอายของต้นข้าว แล้วได้มั้ยคะ ขอพี่แอมชอบอาอายของต้นข้าวได้มั้ย” แอมยิ้มมองเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“อืม....ได้จิคับถ้าเป็นคุณหมอแอม....ฝากอาอายด้วยนะคับ” ดูจะเป็นผู้ใหญ่เสียเหลือเกินมีหน้ามาฝากฝังอาคิราไว้กับหมอแอมอีก

“ขอบใจจ๊ะ..”แอมยิ้มหวานเอ็นดูเด็กตัวน้อย แม้คำพูดแบบนั้นฟังดูเหมือนเรื่องเล่นๆที่เด็กวัยห้าขวบสามารถจะพูดได้ แต่เธอก็รู้สึกว่า ไม่ว่าต้นข้าวจะพูดหรือไม่พูดเธอก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว แอมยิ้มแล้วเอื้อมมือไปบีบมือเล็กๆของคนข้างๆที่ค่อนข้างเย็นจากแอร์ในรถ เบาๆ โดยที่เจ้าตัวคนหลับไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่าหลานชายตัวดีได้ฝากฝังเธอ ไว้กับคุณหมอคนสวยเสียแล้ว

"อาย พี่ขอโทษ" อาคิราสะดุ้งตื่นอีกครั้ง เหงื่อเกาะพราวเต็มหน้า ทำไมกันนะทั้งๆที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทำไมเธอคนนั้นถึงยังตามมาหลอกหลอนในความทรงจำในความฝันได้ทุกๆครั้งไป

อาคิรา สังเกตมองรอบตัวเธอนั่งอยู่ในรถคันเดิมที่ตอนนี้จอดสงบนิ่งอยู่หน้าบ้านของ ใครซักคนที่เธอไม่คุ้นตา เธอตัดสินใจเปิดประตูรถลงมา กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินโชยมาเข้าจมูก อาคิรามุ่นหน้าพลางนึก ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอนี่นา งั้นก็คงต้องเป็นบ้านของหมอแอม
"ข้าว....เจ้าข้าว" อายตะโกนเรียกหลายชายตัวจ้อย แสงไฟสีเหลือนนวลที่ลอดผ่านบานกระจกกว้างทำให้เธอสามารถมองเห็นอะไรได้ชัด ขึ้น เธอค่อยๆเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐแดง จนถึงหน้าประตูไม้สีขาว
"ตื่นแล้วเหรอคะ" เสียงหวานใสจู่ๆก็ดังขึ้นทำให้เธอสะดุ้งหันไปมอง
"พี่แอม" อาคิราเรียกชื่อนั้นเบาๆ
"คะ" แอมตอบรับ
"บ้านพี่แอมเหรอค่ะ" อาคิราถามขณะเดินตามแอมเข้าไปในบ้าน
"ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ บ้านของพ่อน้องเมย์มากกว่า" แอมยิ้ม
"เหรอคะ" ใช่สินะ จะบ้านของใครได้ล่ะ อาคิรารู้สึกเจ็บลึกๆที่ได้ยินแบบนั้น แต่เธอจะทำอย่างไรได้ล่ะนอกจากยอมรับความจริง
"น้องอายหิวมั้ยคะ พี่แอมเห็นน้องอายหลับสบายเลยไม่อยากปลูก ต้นข้าวกับน้องเมย์กำลังทานข้าวเย็นอยู่ในครัวแน่ะค่ะ" แอมพูดขณะที่ตัวเองกำลังถอดนาฬิกาเรือนสวย รวมถึงเครื่องประดับออก
"อ้าววินด์ มาพอดี นี่น้องอายนะอาของต้นข้าว" แอมแนะนำให้อาคิรารู้จักกับชายหนุ่มร่างสูงที่เดินออกมาจากครัวพร้อมต้นข้าว และน้องเมย์
"สวัสดีครับ ชายหนุ่มยิ้มให้ "
"ค่ะ" อายได้แต่พยักหน้า ทำไมกันนะ เธอถึงต้องมาเจอสภาพแบบนี้ คนนี้สินะพ่อของน้องเมย์
"ยังไง แอมฝากดูเด็กๆด้วยนะ แอมมีเวรดึกคืนนี้นะวินด์" แอมบอกชายหนุ่มร่างสูงเบาๆ
"อะเออ...คือ อายไม่รบกวนดีกว่าค่ะ เดียวอายพาต้นข้าวกลับบ้านดีกว่า เน๊อะข้าว กลับบ้านดีกว่านะ" อาคิราขอความคิดเห็นเจ้าตัวเล็ก
"ม่ายยยเอาข้าวจะเย่นเกมกะพี่วินด์" เจ้าข้าวสลัดหน้าเป็นพัลวัน พลางเกี่ยวชายเสื้อเชิ้ตของวินด์แน่น
"ข้าว!!" อาคิราตวาดเสียงดัง เพราะเจ้าหลานชายตัวดีไม่ยอมให้ความร่วมมือ
"ไม่เป็นไรหรอกครับให้ต้นข้าวค้างที่นี่ก็ได้ เดียวผมช่วยดูแลให้" วินดิ์ยิ้มแล้วบอกอาย
"น้องอายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" แอมเริ่มจับอาการผิดปกติของสาวหน้าหวานข้างๆได้
"เปล่าค่ะ อายไม่อยากรบกวนมากกว่า อีกอย่างอายกะเจ้าข้าวก็เคยอยู่กันเองมาตลอด" อาคิราอธิบายแกล้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกเจ็บปวดจนบอกไม่ถูก คุณหมอคนสวยจะรู้บ้างมั้ยนะว่าเธอรู้สึกยังไงกับสภาพของตัวเองในตอนนี้
"ไม่ได้ค่ะ พี่แอมรับปากอาร์มไว้แล้ว ยังไงน้องอายก็ต้องมาพักที่นี่จนกว่าพี่ชายจะกลับมา" แอมอมยิ้ม ขอซักที ขอแกล้งคนขี้น้อยใจคนนี้อีกซักนิด
"พี่แอม" อาคิราเบ้หน้าพาลน้ำตาจะไหล ทำไมคุณหมอถึงใจร้ายกับเธอขนาดนี้ ไม่รู้หรอไงว่าเธอคิดยังไง
"วินด์ แอมไปนะแล้วถ้าไม่มีอะไร แอมจะรีบกลับ" คุณหมอคนสวยยังแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ หันไปบอกชายร่างสูง วินด์พยักหน้ารับ แล้วอุ้มน้องเมย์นั่งตักเปิดทีวีดู
"เป็นไรอีกอะอาอาย ผีเข้าเหรอ" เจ้าตัวดีทัก เมื่อเห็นอาคิราหน้างอ หายใจฝึดฟัดเดินเข้าไปในครัว
"พี่วินด์เอาเกมนี้ๆ" ต้นข้าวกระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาบ้างแล้วเริ่มเล่นเกมกับวินด์และน้องเมย์ โดยไม่สนใจอาสาวหน้าบูดอีก
"ใจร้าย" อาคิราบ่นพึมพำ แล้วตักอาหารเย็นที่อยู่บนโต๊ะเข้าปาก..
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า อาคิราเฝ้ามองนาฬิกามองแล้วมองอีก ตอนนี้เวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลาเจ้าตัวดีเข้านอนแล้ว เธอจึงตัดสินใจเดินออกมาจากห้องครัว เธอกลับพบชายร่างสูงนั่งอยู่เพียงลำพัง
"เออ ขอโทษนะคะ ต้นข้าวไปไหนแล้ว" เธอเอ่ยทักทำให้เขาหันมามอง
"ผมพาเข้านอนแล้วล่ะครับ พออาบน้ำเสร็จก็หาวหวอดๆเลย คงจะง่วงนะครับ น้องอายมีอะไรรึเปล่า" วินด์ถาม พร้อมส่งยิ้มให้
"ปะ...เปล่าค่ะ ขอบคุณนะคะ" ความเป็นมิตรที่หยิบยื่นให้ไม่แปลกเลยที่ หมอแอมจะรักผู้ชายคนนี้
"งั้นเดียวยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้าไม่มีคนไข้ ซักตีหนึ่ง ตีสอง หมอแอมก็กลับแล้วครับ" วินด์เอ่ย พร้อมเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ
"เอ๋...เดียวค่ะ ขอตัว?คุณไม่ใช่...." อาคิราส่งสัย พร้อมถาม
"ครับ.....ใช่?อะไรครับ"วินด์ชักสงสัย
"ก็คุณวินด์ไม่ใช่พ่อของน้องเมย์....หรือคะ" อาคิรารีบถาม
"ห๋า.....ไม่ใช่ครับ ผมมาช่วยดูแลน้องเมย์ตอนหมอแอมมีเคสด่วนไม่ก็เวรดึกน่ะครับ " วินด์หัวเราะเก้อๆอธิบาย
"แล้วคุณพ่อน้องเมย์เอ่อ....."อาคิราทำท่าจะถามต่อ
"เสียไปหลายปีแล้วครับตั้งแต่น้องเมย์ยังแบเบาะอยู่เลย คุณหมอแอมเก่งนะครับ เลี้ยงน้องเมย์มาได้เองคนเดียว" วินด์ว่า
"เสียแล้วเหรอคะ" อาคิราตกใจถามอีกครั้ง
"คะ.....ครับใช่ครับ น้องอายมีอะไรหรือเปล่าทำไมดูตกใจจัง”
"เอ่อคือ.....คือว่าพี่แอมไม่เคยบอกอายเรื่องนี้เลยค่ะ" อาคิราตอบ หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุทั้งๆที่ไม่ควรจะดีใจ แต่ทำไมเธอถึงกลับรู้สึกยินดีขนาดนี้กันนะ
"หมอแอมคงจะเสียใจมากน่ะครับ เลยไม่อยากเล่าอะไรให้ใครฟัง ก็พี่ชายทั้งคนนี่ครับ" วินด์อธิบาย
"พี่ชาย!อะไรนะคะ" อาคิราตกใจหนักกว่าเดิม เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
"ครับ....พ่อของน้องเมย์เป็นพี่ชายแท้ๆของหมอแอมครับ" วินด์ทำหน้างงๆอธิบาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม เพียงแค่รู้ว่าพ่อของน้องเมย์คือใคร ทำไมอายถึงต้องตกอกตกใจขนาดนั้น
"จะ...จริงนะคะ....ไม่ได้ล้ออายเล่นนะ" คงจะเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะสำหรับอาคิรา เธอเข้าไปจับมือใหญ่กร้านของวินด์ แล้วเขย่าเพื่อต้องการย้ำความมั่นใจ
"จะ...จริงสิครับ ผมจะโกหกน้องอายทำไมล่ะ เอ่อ.....นี่ไงครับ" วินด์เองก็คงตกใจกับอารมณ์ประหลาดๆของผู้หญิงคนนี้ ตอนแรกที่เธอได้เห็นหน้าเขาทั้งๆที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ก็ทำท่าเหมือนไม่พอใจเขามากๆแถมยังไม่เป็นมิตรอีกตะหาก แต่มาถึงตอนนี้กลับส่งยิ้มร่าเริงมาให้เขาแทน วินด์ส่ายหน้าหัวเราะขำๆแล้วหันหลังเดินไปหยิบรูปที่อยู่ในกรอบใสบนชั้นวาง มาให้ อาคิราดู
"นี่ไงครับรูปคุณปรรณ์ พี่ชายหมอแอม" วินด์ยื่นรูปนั้นให้อาคิราดู เธอรีบรับรูปนั้นมาดูอย่างสนใจ
"น้องอายแน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไร" วินด์ยังไม่หายกังวลเขาหันมาถามหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังฉีกยิ้มกว้างดีใจอย่างไม่มีสาเหตุ
"ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ สบายดีมากๆ" แล้วอาคิราก็ส่งยิ้มหวานๆมาให้ผู้ชายร่างสูงที่ไขความกระจ่างให้กับความกังวลของเธอให้หมดไปเสียที


"โอเคๆงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" วินด์เกาหัวตัวเองงงๆ ยังไงเขาก็คงไม่สามารถเข้าใจผู้หญิงคนนี้ได้ในวันนี้แน่ๆ จึงได้แต่ยิ้มเก้อๆให้ ก่อนจะลาไป ทิ้งให้อาคิรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินวนไปวนมาอยู่นั่นเอง
--------------------------

"คุณหมอความดันคนไข้ห้อง807ตกอีกแล้วค่ะ" เสียงของพยาบาลสาวชะโงกหน้าตะโกนมาบอกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
"โอเคๆไปเดียวนี้แหละ" แอมละสายตาจากเอกสารมากมายบนโต๊ะ แล้ว คว้าเสื้อกาวด์ยาวที่พาดอยู่ที่พนักเก้าอี้สวม แล้วรีบวิ่งตามพยาบาลสาวออกไปอย่างรีบเร่ง
"อาการของคนไข้เป็นไงบ้าง" แอม รีบเอ่ยถามขณะเริ่มตรวจอาการของคนไข้ที่เธอเองเป็นผู้ผ่าตัดให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
"ตอนแรกๆก็ทรงตัวดีอยู่ค่ะ แต่เพิ่งมาทรุดหนักเมื่อ ซักชั่วโมงที่แล้วเองค่ะ" พยาบาลรีบอธิบาย
"พาคนไข้เข้า ER แล้วโทรติดต่อญาติผู้ป่วยด้วย" หลังจากที่ตรวจดูอาการของคนไข้อยู่ซักพัก แอมก็สั่งให้พยาบาลที่คอยดูแลรีบไปติดต่อญาติของผู้ป่วย

"ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูเบาๆไม่กี่ทีปลุกให้แพรวาที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ สะดุ้งหันมามอง
"ใคร" แพรวานิ่วหน้าถาม ใครกันที่กล้ามารบกวนเธอทั้งๆที่บอกไว้แล้วว่าจะไม่พบใครทั้งนั้นในวันนี้
"ผมเองครับ มีโทรศัพท์ด่วนมาจากโรงพยาบาล อาการของคุณผู้ชายทรุดครับ ตอนนี้คุณหมอต้องพาเข้าห้องฉุกเฉินครับ" เสียงนุ่มๆของชายสูงวัยเอ่ยบอกเบาๆ
"เหรอ แล้วมาบอกฉันทำไมไม่ไปบอกแม่พวกนั้นของคุณพ่อล่ะ" แพรวาเอ่ยใบหน้ายังคงราบเรียบ เธอเฉยชาไม่ยินดียินร้ายต่ออาการของผู้เป็นบิดาเลยซักนิด นี่ถ้าหากไม่ติดว่าแม่ของเธอขอร้องและเหนี่ยวรั้งเธอไว้เธอคงจะเดินตามทาง ชีวิตอย่างที่เธอต้องการ
"คุณแพรครับ อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ คุณท่านน่ะรักคุณแพรมากนะครับ แม้ว่าท่านจะไม่เคยแสดงออกให้คุณแพรเห็นก็ตาม"
"เหอะ อย่าเลยฉันเบื่อจะฟังเรื่องแบบนี้เต็มทนแล้ว จะให้ฉันไปโรงพยาบาลไปดูอาการคนใกล้ตายเลยรึไง" แพรวาเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนหัวแข็ง หัวรั้น เหมือนพ่อของเธอ ใครที่เคยทำอะไรกับเธอไว้ เธอไม่มีวันลืมและไม่มีวันให้อภัยง่ายๆเป็นอันขาด
"คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมเพียงแค่แจ้งให้ทราบ ส่วนคุณแพรเห็นสมควรว่าควรจะไปเยี่ยมคุณท่านเมื่อไร นั่นก็สุดแล้วแต่คุณแพรเถอะครับ" เสียงนุ่มๆของชายสูงวัย เอ่ยบอกเบาๆ แล้วเดินออกนอกห้องไป
แพรวาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้กทำงานตัวหรูไปที่หน้าต่าง ยืนเหม่อมองแสงไฟยามราตรีใจกลางเมืองหลวง
"อาย" แพรวาลูบมือไปตามกระจกบานโตอย่างไร้จุดหมาย ภายในใจก็คิดถึงผู้หญิงหน้าหวาน ว่าป่านนี้คงจะนอนหลับสบายอยู่ที่ไหนซักแห่ง แล้วเธอคนนั้นจะฝันถึงเธอบ้างมั้ย ยังจดจำเธอได้บ้างมั้ย และยังเสียใจกับการกระทำของเธออยู่อีกมั้ย

"น้องอาย น้องอายคะ"
"หือ...หืม..." อาคิราสะดุ้งตื่นด้วยความมึนงง เธอพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงไฟจ้า ก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าสวยๆของหมอแอม
"ทำไมมานอนหลับอยู่ตรงนี้ล่ะคะ" แอมเอ่ยถาม แล้วนั่งลงใกล้ๆ สาวหน้าหวานที่ฟุบหลับอยู่หน้าทีวี
“ก็รอพี่แอม" อาคิราว่าอายๆก้มหน้าบอก
"รอพี่แอม?..รอทำไมล่ะคะ แล้วหายโกธรพี่แอมแล้วเหรอ" แอมอมยิ้ม เธอรับรู้เรื่องราวจากวินด์แล้ว ตอนที่วินด์มีธุระและขอตัวกลับก่อน ก็ได้โทรมาบอกเธอและเล่าเรื่องราวพร้อมกับเล่าถึงท่าทางแปลกๆของสาวหน้าหวาน ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอให้ฟัง
"อายไม่ได้โกธรพี่แอมซักหน่อย" เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทั้งๆที่ก่อนที่แอมจะออกจากบ้าน ท่าทางที่แสดงออกมานั้นไม่มีตอนไหนเลยที่สมควรจะเรียกว่า ไม่โกธร
"เหรอคะ อืมไม่โกธรก็ไม่โกธร งั้นพี่แอมคงคิดมากไปเองที่คิดว่าน้องอายกำลังโกธรพี่แอมอยู่เพราะเรื่องบาง เรื่อง" แอมหรี่ตามองสาวตัวเล็กข้างๆอย่างรู้ทัน
"เรื่องอะไรคะ ม่ายยยมี๊ม่ายยยยมี"อาคิราสายตาล่อกแล่ก แล้วรีบหลบสายตาหมอแอม เป็นใครก็ดูรู้ว่าเธอกำลังพยายามโกหกหน้าเป็นอยู่
"ค่าๆ" แอมหัวเราะขำกับท่าทางตลกๆของอายแล้วจึงเอ่ยถามถึงต้นข้าวและน้องเมย์
"สองคนนั่นหลับปุ๋ยไปตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วค่ะ"
"ว่าแต่น้องอายยังไม่ได้อาบน้ำอีกเหรอคะเนี่ย หืม" แอมยิ้มเมื่อเห็นว่า อาคิรายังคงสวมชุดนักศึกษาชุดเดิมกับตอนที่มาถึง
"ชะอุ้ย! ยังเลยค่ะ ก็เห็นพี่วินด์บอกว่าถ้าไม่มีคนไข้ด่วน ไม่นานพี่แอมก็กลับอายเลยกะว่ารอพี่แอมกลับมาก่อน แล้วค่อยอาบน้ำก็ได้ แต่ดันเผลอหลับไปซะก่อน แฮะๆ" อายอธิบายพลางหัวเราะเก้อๆ
"ไม่เห็นต้องรอเลยนี่คะ แล้วสมมุติว่าพี่แอมมีคนไข้ล่ะ น้องอายไม่ต้องรออาบน้ำทั้งคืนเหรอค่ะ" แอมว่ายิ้มๆ แล้วมองหน้าของอาคิรา
"งั้น...พี่แอมมาแล้ว อายไปอาบน้ำดีกว่า"
"อ้าวแล้วกัน ไม่ได้รอพี่แอมกลับมาอาบน้ำด้วยกันหรอกเหรอคะ" แอมหัวเราะแซวคนตัวเล็กที่ชอบทำตัวน่ารัก หาเรื่องให้เธอต้องแกล้งอยู่เรื่อย
"ง่ะ....ละแล้วเรื่องอะไร อายต้องอาบน้ำกับพี่แอมด้วยเล่า" อาคิราทั้งเขินทั้งอายแต่ก็ไม่ยอมให้คนขี้แกล้งอย่างแอมง่ายๆ เธอหันมาย่นจมูกใส่ แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ
"น้องอายคะ พี่แอมวางชุดไว้ที่ชั้นหน้าห้องน้ำนะ" แอมอมยิ้ม แล้ววางชุดนอนของเธอเองไว้ที่ชั้นวาง
"ขอบคุณค่ะ กำลังจะบอกพอดีว่า อายไม่มีชุดเปลี่ยน" อายยิ้มแหย๋ๆขณะที่ตัวเองกำลังอาบน้ำ
อาคิราหายต๋อมเข้าไปในห้องน้ำเสียนาน แอมก็ผลอยหลับไปเพราะความเพลีย จนคนตัวเล็กที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนนุ่มพันตัวไว้ชะโงกหน้าออกมามอง เมื่อเห็นว่าคุณหมอคนสวยหลับแล้ว เธอจึงเอื้อมมือเล็กๆคว้าชุดนอนที่พับไว้อย่างเรียบร้อยที่ชั้นวาง

หลังจากจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว อายก็มานั่งข้างคุณหมอคนสวยที่กำลังหลับสบายที่โซฟา อาคิราอมยิ้ม เรื่องระหว่างเธอกับคุณหมอคงจะมีความเป็นไปได้ขึ้นมาบ้างละน่ะ อายนึกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองใบหน้าหวานๆของหมอแอม
"อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ" แอมปรือตาขึ้นมามอง
"ค่ะ อายนึกว่าพี่แอมหลับแล้วซะอีก" อาคิราว่า
"ก็หลับแล้วล่ะค่ะ แต่พอดีได้กลิ่นแชมพูหอมๆของใครแถวๆนี้ ก็เลยต้องตื่นมาดูไงคะ" แอมว่าแล้วขยับตัวเข้าใกล้คนตัวเล็กมากขึ้น

"อายไปนอนดีกว่า" อาคิราก้มหน้างุดพลางเตรียมตัวจะเข้านอนเสียที
"เดียวสิคะ" แอมอมยิ้มแล้วถือวิสาสะรั้งข้อมือเล็กๆของอายไว้ ให้นั่งลงที่เดิม
"พี่แอม" คนตัวเล็กใจเต้นแรงทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ แม่สาวหน้าหวานคงเตลิดเปิดเปิงคิดอะไรเองไปถึงไหนต้อไหนแล้ว

"นั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่แอมซักแป๊บได้มั้ยคะ" แอมของ่ายๆพลางส่งสายตาหวานๆมาให้ อายต้องใจหวั่นไหวอีก มีหรือที่อาคิราจะกล้าขัด เธอได้แต่พยักหน้าหงึกๆตอบรับ แอมคลายยิ้มพอใจแล้วจึงรั้งตัวคนตัวเล็กให้มานั่งซ้อนอยู่ในอ้อมกอดของตัว เองให้ที่สุด กลิ่นแชมพูที่เธอคุ้นเคยอยู่ทุกวัน กลับเปลี่ยนไปเมื่อ เธอได้สูดกลิ่นนั้นจากตัวของสาวหน้าหวานที่นั่งก้มหน้าอายอยู่ในอ้อมแขนของ เธอ กลิ่นที่หอมหวานกว่าเดิม ร่างอุ่นนุ่มเล็กๆที่เธอกำลังโอบกอด แอมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกที่กำลังตึงเครียด เกี่ยวกับงานหายไปจนหมดสิ้น เธอหลับตาลง สูดกลิ่นหอมอ่อนๆนั้นบางเบา แล้วในเวลาไม่นาน แอมก็เผลอหลับไปอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าอย่างง่ายดาย

"พี่แอมคะ" คนตัวเล็กเห็นว่าเป็นเวลาค่อนข้างนานแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคุณหมอคนสวยจะยอมคลายอ้อมกอดเสียที เธอจึงเอี้ยวตัวไปมอง ก็เห็นคุณหมอคนสวยหลับไปแล้ว อาคิราอมยิ้ม แล้วจึงค่อยๆขยับตัวอย่างเบาที่สุดเพื่อไม่ทำให้แอมตื่น แอมขยับตัวเล็กๆจังหวะลมหายใจบ่งบอกได้ดีว่าเธอกำลังหลับสนิท อายยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มผืนหนาในห้องนอน มาห่มให้คุณหมอคนสวย เธอย่อตัวลงข้างๆโซฟา ยิ้มน้อยๆ หมอแอมกำลังหลับสนิท

"อายชอบพี่แอมนะ ชอบจนไม่รู้จะบอกพี่แอมยังไงแล้ว" อายถอนหายใจพึมพำบอกร่างที่กำลังหลับ ก่อนที่ตัวเธอเองจะส่ายหน้าว่ากำลังคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่ ที่มาบอกความใน ใจกับคนที่หลับไปแล้ว เธอยิ้มให้ตัวเอง เดินไปปิดไฟดวงใหญ่กลางบ้านแล้วจึงพาร่างของตัวเองกลับขึ้นห้องนอนไปในที่ สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น