Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
 
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท

1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252  บาท

วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
  >>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
 
 
 

12.7.55

Captivated Clumsy 06

"น้องเมย์ คุณแม่มาแล้วค่ะ" ทันที่ที่เห็นลูกสาวตัวเล็กเธอก็ฉีกยิ้ม รอให้เด็กตัวเล็กวิ่งโผเข้ามากอด
"คุณแม่ขา.." เด็กหญิงตัวน้อยโผเข้ากอด
"เอ๋....ไปซนอะไรมาอีกแล้ว ทำไมมอมแมมยังกะลูกเหมียวแบบนี้ละคะ" แอมว่าพลางหัวเราะเมื่อเห็นเสื้อผ้ามอมแมมของลูกสาว
"หาสมบัติค่ะ" ลูกสาวตัวเล็กยิ้มตาหยีอธิบาย
"หาสมบัติ? อืม แล้วเจออะไรมั้งคะ" แอมอมยิ้มขณะใช้กระดาษชิชชูเช็ดคราบดิน และฝุ่นออกจากแขนของลูกสาวตัวเล็ก "ยัยเมย์"เสียงห้าวๆแฝงแววเอาเรื่องของเด็กผู้ชายตัวเล็กดังขึ้น น้องเมย์สะดุ้งแล้วหันไปทางต้นเสียง
"ข้าว คุณแม่ขา ต้นข้าว....ข้าว" เมื่อเห็นร่างขาวป้อมกลมๆของเด็กชายตัวเล็ก น้องเมย์ก็เริ่มร้องไห้งอแงวิ่งเข้าไปหลบด้านหลังของแอม
"หือ อะไรคะน้องเมย์" แอมอมยิ้มจับแขนเล็กๆของลูกสาวไว้พร้อมหันไปมองตามที่ลูกสาวมอง
"เอาคืนมานะ ยัยเมย์" ว่าแล้วเจ้าตัวเล็กก็วิ่งปรี่เข้ามาหาสองแม่ลูก อาร์มที่กำลังยืนคุยอยู่กับคุณครูประจำชั้นของต้นข้าว หันมามองแล้วรีบวิ่งตามไปฉุดแขนลูกชายที่วิ่งปรี่เข้าหาเด็กผู้หญิงตัวเล็ก

"เฮ้ยๆ เจ้าตัวดีจะทำอะไร"
"ขอโทษแทนเจ้าข้าวด้วยนะครับ" อาร์มหัวเราะเก้อๆ พลางจับตัวเจ้าตัวดีที่ยังพยายามจะพุ่งหา เด็กหญิงตัวเล็กอย่างเอาเป็นเอาตาย
"เอาคืนมานะยัยบ้า"
"แงงงง..คุณแม่ขา..." น้องเมย์ร้องเสียงลั่นเกาะแอมแน่น
"โอ๋ๆ...ไม่ร้องนะคะคนดีเกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้คุณแม่ฟังซิคะ"
"เจ้าข้าวหยุด พ่อบอกให้หยุดไง" อาร์มเองก็ตะโกนดุเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่ยอมหยุด
"ง่ะ...พ่อบ้า" ต้นข้าวเบ้หน้าร้องไห้เสียงดัง ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้(5ขวบ) คุณอัครพลไม่เคยที่จะดุเขาซักครั้ง ด้วยความตกใจ ต้นข้าวจึงสะบัดแขนแล้ววิ่งร้องไห้จ้าออกไป
"เออ..ขอโทษจริงๆนะครับ เดียวผมจะพาเจ้าตัวดีมาขอโทษนะครับ" อาร์มส่ายหน้า วิ่งหายตามต้นข้าวไปอีกคน".ไม่ร้องนะคะคนดี" แอมย่อตัวลงลูบผมนุ่มของลูกสาวเบาๆ พลางไต่ถามเรื่องราว
"นี่ค่ะ" เด็กหญิงตัวเล็กหยุดร้องไห้ แต่ก็ยังสะอึกสะอื้น ยื่นสิ่งที่อยู่ในมือเล็กๆให้แอมดู
สิ่งที่อยู่ในมือน้องเมย์ เป็นตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวเล็กๆหลายตัวที่ดูสกปรกมอมแมม แอมอมยิ้ม แล้วรับของเล่นชิ้นเล็กๆจากมือลูกสาวมา
"น้องเมย์ไปเอามาจากไหนคะ"
"น้องเมย์ไปขุดสมบัติกับอ้อมมาค่ะ ตรงโน้น" แล้วเด็กตัวเล็กก็ชี้ให้ดูไปทางด้านสนามเด็กเล่น ใต้ต้นไม้ใหญ่
"แล้วน้องหมีพวกนี้ไปอยู่ที่นั่นได้ยังไงล่ะคะ" แอมยิ้มถามต่อไป
".ก็อ้อม..อ้อมบอกว่า เห็นต้นข้าวแอบเอาไปซ่อนไว้ น้องเมย์สงสารน้องหมี....ก็เลย"
"ก็เลยไปช่วยน้องหมีมาเหรอคะ" แอมอมยิ้มถามลูกสาวตัวเล็ก
"ค่ะ" เมย์พยักหน้า
"มานี่เลยเจ้าตัวดี....ขอโทษเอ่อ...." อาร์ม ถูลู่ถูกัง พาเจ้าตัวแสบมาจนได้
"แอมค่ะ" แอมยิ้มแล้วบอกชื่อให้ชายหนุ่มทราบ
"ครับ ผมอาร์มครับ เป็นพ่อเจ้าตัวแสบนี่" อาร์มว่าแล้วหัวเราะเก้อๆ
"ของหนูใช่มั้ยจ๊ะ" แอมยิ้ม แล้วยื่นตุกตาหมีแพนด้าตัวเล็กๆในมือให้เด็กชายที่ยืนมองตาแป๋ว
"ของข้าว ตุ๊กตาของข้าว" ต้นข้าวดีใจตะโกนบอกแล้วรับเจ้าตุ๊กตุ่นในมือคุณหมอคนสวยมา

เมื่อฟังความจากเด็กทั้งสองคนแล้วทั้งแอมและอาร์มก็หัวเราะขำ กับเรื่องไม่เป็นเรื่องของทั้งคู่ ต้นข้าวที่กำลังเล่นขุดหาสมบัติกับเพื่อนอยู่โดยลงทุนเอาเจ้าตุ๊กตาหมี แพนด้าแสนรักไปฝังเพื่อจะให้เพื่อนๆขุดหา กลับโดนสาวน้อยต่างห้องอย่างน้องเมย์กับเพื่อนเห็นเข้า แล้วเกิดสงสารน้องหมีขึ้นมาจึงไปตัดหน้าขุดเอามาก่อน เรื่องถึงหูเจ้าตัวดีที่ขุดหาเท่าไรก็ไม่เจอ ก็เลยกลายเป็นเรื่องราว

"ข้าว ขอโทษน้องเมย์กับคุณแม่เดียวนี้เลยนะ" อาร์มสั่งให้เจ้าตัวแสบที่ยังยืนค้อนปะหลับปะเหลือกส่งให้เด็กหญิงตัวเล็ก อย่างเอาเป็นเอาตาย พูดขอโทษ
"ขะ ขอโทษครับ" ต้นข้าวพูดเบาๆแล้วยกมือไหว้แอม ที่ยืนอมยิ้ม
"น้องเมย์ก็เหมือนกัน ขอโทษต้นข้าวด้วยค่ะ ของๆเค้านะ หือ..." แอมหันมาบอกลูกสาวตัวเล็กบ้าง
"ขะ..ขอโทษ" น้องเมย์ก้มหน้างุดพูดเบาๆบอกเจ้าต้นข้าว
"ชิ" เจ้าข้าวค้อนเข้าให้
"ข้าวเดียวเถอะนะ" อาร์มหันมาดุลูกชายอีกครั้ง
"อ่ะ" เด็กหญิงตัวน้อยนอกจากจะขอโทษแล้ว ยังควักตุ๊กตาน้องหมาน้องแมวอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงของเธอเองออกมา
"อะไร" เจ้าข้าวตอบอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
"ให้....เมย์ให้" น้องเมย์ยิ้มแล้วแบสิ่งที่อยู่ในมือให้ต้นข้าวดู
"โห้ย...เยอะจัง" เมื่อเห็นของเล่นสีสันถูกใจ เจ้าข้าวก็ยิ้มออก พร้อมกับรับเจ้าตุกตาพวกนั้นมาจากมือน้องเมย์
"ให้แน่นะ"ยังมีการหันมาถามเจ้าตัวเพื่อความแน่ใจ
"อือแต่....แต่ข้าวต้องให้เมย์เล่นด้วยนะ" น้องเมย์ฉีกยิ้มกว้างให้ต้นข้าว เจ้าข้าวคิดลังเลอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ
"ก็ดะ....แต่ให้แล้วให้เลยนะ ไม่คืนนะจะบอกให้" ดูเอาเถอะไม่รู้ไปได้ความร้ายกาจแบบนี้มาจากไหน
"อือ" เด็กน้อยแก้มป่องพยักหน้าให้บ้าง แล้วทั้งสองคนก็วิ่งออกไปที่กลางสนามเด็กเล่นด้วยกัน
"เห้อ...แสบจริงๆต้องขอโทษแทนเจ้าตัวดีด้วยนะครับ สงสัยเพราะผมตามใจมากไปหน่อยก็เลยเป็นแบบนี้" อาร์มชวนสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างๆคุย
"ค่ะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เด็กก็คือเด็ก อย่าคิดอะไรมากเลยค่ะ" แอมยิ้มให้ขณะมองดู ต้นข้าว น้องเมย์ และเด็กคนอื่นๆเล่นขลุกอยู่ที่สนาม

"เดียวผมต้องขอตัวก่อนนะครับต้องไปรับน้องสาวที่มหาวิทยาลัยอีก" อาร์มยิ้มขณะมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังตึก
"ลูกชายคุณชื่อต้นข้าวใช่มั้ยคะ" แอมถามเบาๆ
"ครับ มีอะไรรึเปล่าครับ" อาร์มนิ่วหน้าถามอย่างสงสัย
"แล้วเออ...น้องสาวคุณชื่ออายใช่มั้ยคะ" แอมถามต่อ เพราะดูเหมือนว่า ทั้งอาร์มและต้นข้าวจะมีลักษณะเหมือนอย่างที่อายเล่าให้เธอฟังตอนไปทานอาหาร ที่ร้านด้วยกัน
"ใช่ครับคุณแอมรู้จักน้องสาวผมด้วยหรือครับ" อาร์มแปลกใจ
"ยังไงดีล่ะคะ ค่ะใช่ รู้จัก คือพอดีว่าน้องอายช่วยชีวิตลูกสาวฉันไว้เมื่อวันก่อน ก็เลยรู้จักกันนะค่ะ" แอมอธิบาย
"อ้อ ถึงว่าแผลนั่น" อาร์มเริ่มนึกอะไรออก เมื่อคิดถึงแผลที่อายได้รับมา แต่เค้าก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมายเพราะอายเองก็บอกว่าเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆไม่ต้องกังวลอะไร "บังเอิญจังนะครับ" อาร์มส่งยิ้มมาให้คุณหมอคนสวยที่ยังทอดสายตามองน้องเมย์และต้นข้าวเล่นกัน อยู่กลางสนาม

"ค่ะ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ" แอมพูดเบาๆพร้อมเหลียวมองวงหน้าของชายหนุ่มข้างๆที่มีเค้าหน้าละม้ายอาคิรา เสียเหลือเกิน จะผิดกันก็คงจะเป็นที่ดวงตา ดวงตาของอาคิราดูหวานกว่าของพี่ชายมากนัก
"เออ.....คุณแอมครับหน้าผมมีอะไรติดอยู่เหรอครับ" อาร์มทักเมื่อแอมเอาแต่จ้องหน้าของเขา จนตัวเขาเองเริ่มรู้สึกเขิน
"อุ้ย...ขอโทษค่ะ หน้าน้องอายนี่คล้ายคุณอาร์มมากเลยนะคะ" แอมหน้าแดงเธอเองไม่รู้ตัวว่าได้เผลอจ้องหน้าของคนข้างๆไปตั้งแต่เมื่อไร แต่ภายในใจกลับนึกถึงใบหน้าของคนที่มีแววตาหวานกว่าอย่างช่วยไม่ได้
"ครับใครๆก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ พี่น้องกันนี่ครับไม่เหมือนกันสิน่าจะแปลก ฮาฮ่าฮา" อาร์มยิ้มแล้วหัวเราะ

"จริงสินะคะ ฉันนี่ถามอะไรไม่คิดเลย"แอมเองก็นึกขำตัวเองแล้วเผลอหัวเราะออกมาบ้าง
"เดียวนะครับ" อาร์มเริ่มรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างอ่อนโยนอะไรเช่นนี้ เพียงแค่เจอหน้ากันครั้งแรกเขาเองก็รู้ชื่นชมกับความอ่อนโยนของผู้หญิงคนนี้ ซะแล้ว
"นี่ไงครับ....ดูยัยอายสิครับ ตอนเด็กๆทะโมนเอาเรื่องน่าดู" อาร์มว่าแล้วดึงรูปใบเล็กในกระเป๋าสตางค์ตัวเองให้แอมดู รูปใบเล็กที่ถ่ายไว้สมัยที่สองพี่น้องยังอยู่ที่เชียงใหม่ ในรูปอายกำลังยืนเก๊กอยู่บนกิ่งมะม่วง ส่วนตัวเขายืนอยู่ใต้โคนต้น

"นี่เหรอคะ น้องอาย" แอมรับรูปใบเล็กจากอาร์มมาดูด้วยความสนใจ เด็กหญิงตัวน้อยในรูปช่างดูซุกซนทะโมนเกินความเป็นผู้หญิงนัก เสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสั้นไม่สวมรองเท้า ยืนยิ้มเพล่อยู่บนกิ่งมะม่วง คงจะมีสิ่งเดียวที่บอกให้รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้หญิงคงจะเป็นผมยาวที่ ถักเปียทั้งสองข้าง
"ครับ นี่แหละครับยัยอาย เห็นตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อก่อนจะซนได้แบบนี้ใช่มั้ยครับ" อาร์มอธิบายให้แอมฟัง
"ค่ะ แต่ก็ยังน่ารักไม่เปลี่ยน" แอมพึมพำมองรูปใบนั้นตาไม่กระพริบ
"คุณแอมว่าอะไรนะครับ"
"เออ....ไม่มีอะไรค่ะ"
"ครับๆ" อาร์มยิ้ม แอมส่งรูปใบเล็กนั้นคืนให้อาร์มแล้วจึงขวักมือเรียกน้องเมย์ที่ยังง่วนอยู่กลางสนามกับต้นข้าว
"น้องเมย์ได้เวลากลับแล้วนะคะ" แอมตะโกนเรียกลูกสาวตัวจ้อยที่หันมามองก่อนจะหันไปพูดอะไรพึมพำกับต้นข้าว
"ครับ ได้เวลาเหมือนกันครับเดียวแม่ตัวดีบ่นผมตายเลย ถ้าลองไปรับช้า อีกอย่างเดียวตอนเย็นผมคงต้องบินไปสัมมนางานที่ภูเก็ตอีก" อาร์มเองก็คงจะต้องตัดใจลาคุณแม่คนสวยคนนี้เหมือนกัน

"แต่วันนี้เห็นน้องอายบอกมีซ้อมละครเวทีนี่คะ" แอมท้วง สงสัยอาร์มคงจะยังไม่รู้เรื่องว่าน้องสาวของตัวเองต้องอยู่ซ้อมละครเวที
"อะไรนะครับ แล้วใครจะดูเจ้าข้าวละเนี่ย" อาร์มขมวดคิ้วพลางบ่นพึมพำ
"แย่ะเลยสินะคะ"
"ทำไงดีล่ะเนี่ย เดียวผมโทรไปบริษัทขอเลื่อนไฟท์ดีกว่า ยังไงคงยังไปตอนนี้ไม่ได้ อีกอย่างคือถ้าแค่วันสองวันคงไม่เป็นไรครับ แต่นี่ผมคงไปเกือบอาทิตย์ ห่วงก็แค่เจ้าลิงสองตัวนี่แหละครับ ปกติก็ตีกันจะตายอยู่แล้วขืนผมไม่อยู่อีกคนมีหวัง...." อาร์มบ่นพึมพำ
"เกือบอาทิตย์เชียวเหรอคะ" แอมถามย้ำ
"ครับ"
"เอาอย่างนี้ไม๊คะ ถ้าไม่รังเกียจ ฉันจะช่วยดูแลสองคนนั่น ตอนคุณอาร์มไปสัมมนาเอง"
"จะดีเหรอครับ คือผมเกรงใจน่ะ อีกอย่างเจ้าสองคนนี้ถ้าลองอยู่ด้วยกัน เฮ้อ....ผมละอาย อย่าดีกว่าครับ คุณแอมยังไม่รู้ฤทธิ์เจ้าสองตัวนั่นหรอกครับ ปวดหัวเสียเปล่าๆ" อาร์มนิ่วหน้าพลางถอนหายใจเมื่อนึกถึงกิจวัตร ประจำวันของสองอาหลาน "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่างเกรงใจไปเลยอีกอย่างน้องอายก็เคยช่วยน้องเมย์ไว้ เรื่องแค่นี้เองค่ะ" แอมว่าพลางส่งยิ้มหวานมาให้เขา

"เฮ้อ นี่ถ้าแม่เจ้าข้าวยังอยู่ ผมคงไม่ต้องลำบากใจแบบนี้" อาร์มพูดเบาๆแล้วนึกถึงภรรยาของตัวเองที่เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อหลายปีก่อน
"เสียใจด้วยนะคะ แต่ทำใจให้สบายรีบไปรีบกลับจะไม่ดีกว่าเหรอคะ แค่อาทิตย์เดียวเอง"
"แล้วคุณแอมจะมีเวลาเหรอครับคุณเองก็มีน้องเมย์แล้วไหนจะสามีคุณอีก อย่าเลยครับ ผมเกรงใจจริงๆ"อาร์มเกรงใจไม่อยากรบกวนเพราะเมื่อนึกถึงพฤติกรรมของทั้งน้อง สาวทั้งลูกชายแล้วเค้าก็ไม่กล้าจะรบกวนใครแล้ว

"สามี???"
"ครับ แฟนคุณแอมไงครับ พ่อของน้องเมย์" อาร์มแปลกใจเมื่อเขาพูดถึงแฟนของแอม แอมกลับทำท่าแปลกใจก่อนจะยิ้มเหมือนนึกอะไรออก
"เข้าใจผิดแล้วคะ ไม่ใช่หรอกค่ะน้องเมย์น่ะเป็นลูกสาวของพี่ชายแอมเอง ไม่ใช่ลูกแท้ๆหรอกค่ะ" แอมยิ้มเขินๆอธิบาย
"อ้าว..แล้วทำไมน้องเมย์ถึงเรียกคุณแอมว่าแม่ล่ะครับ" อาร์มสงสัย
"เอ่อ...คือพี่ชายกับพี่สะใภ้ของแอมก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้วก็เสีย ชีวิตทั้งคู่ตั้งแต่น้องเมย์ยังแบเบาะน่ะ ค่ะ แอมก็เลยรับหน้าที่ดูแลน้องเมย์มาตั้งแต่ตอนนั้น อีกอย่างปล่อยให้แกเรียกแบบนี้ไปก็ดีแล้วค่ะ ยังไงเราก็เหลือกันแค่สองคน"

"ขอโทษนะครับที่ผมทำให้คุณแอมนึกถึงเรื่องเศร้า เอjอ...." อาร์มหน้าเสีย เขาไม่น่าถามถึงเรื่องเศร้าๆแบบนั้นออกไปเลย
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ คุณอาร์มไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ..อืมแล้วตกลงว่าไงคะ"
"ก็ถ้าคุณแอมไม่รังเกียจ ผมก็คงจะไม่ปฏิเสธ อีกอย่างก็หาทางอื่นไม่ทันแล้วด้วย"อาร์มพูดแล้วหัวเราะเก้อๆ

"งั้นคุณอาร์มกลับบ้านไปเตรียมข้าวของดีกว่าค่ะ ส่วนต้นข้าวกับน้องอาย ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แอมดูแลให้ได้ค่ะ" แอมยิ้มหวานส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง "ครับ ขอบคุณจริงๆ งั้นเดียวผมโทรบอกยัยตัวดีก่อน ขอตัวซักครู่นะครับ" อาร์มว่าแล้วปลีกตัวขอไปโทรศัพท์หาอาคิรา


"อะไรกันย่ะหล่อน ไหนว่าไปดี๊ด๊ากับคุณหมอคนสวยมาไงทำไมหน้าหงิกเป็นก้นลิงอย่างนั้นล่ะ" ศักดิ์ชัยบ่นอุบเมื่อเห็นเพื่อนรักเดินคอตกเข้ามานั่งหมดสภาพในสตูดิโอของ คณะ
"ศักดิ์ ทำไมคนเราต้องมีความรักด้วยนะ" อายเงยหน้าหงอยๆขึ้นมามอง
"มามุขไหนย่ะเนี่ย เฮ้อ..อายเอ๋ย" เมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของเพื่อน ศักดิ์ชัยก็นึกสงสารอายไม่ได้
"ช่างเหอะ ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ ทำแบบที่แกว่าก็คงดี ก่อนที่ชั้นจะรู้สึกชอบพี่แอมมากไปกว่านี้" อายถอนหายใจแล้วเอาสายวัดตัวที่วางกองอยู่บนโต๊ะมาเล่น
"ย่ะๆ คิดได้แบบนั้นมันก็ดีแล้ว อีกอย่างชั้นว่าคุณหมอเค้าคงจะเอ็นดูแกมากกว่า แกนั่นแหละคิดเพ้อเจ้อไปชอบเค้าเอง"ศักดิ์ชัยว่า

"เกือบจูบชั้นเนี่ยนะ เอ็นดูของแก" อายบ่นพึมพำ
"อะไรนะ ตะกี้แกว่าอะไรนะชั้นได้ยินไม่ชัด" ศักดิ์ชัยเงยหน้าจากกองผ้าขึ้นมามองเพื่อน
"ช่างเถอะ ไม่มีอะไรหรอก เออ....แล้วสรุปชั้นคงหนีไม่พ้นแน่ๆใช่มั้ยละครเวทีเรื่องนี้น่ะ"อาคิราเบ้หน้าหน่ายๆถามเพื่อน
"สิย่ะ แกน่ะขึ้นไปหายัยจินตนาบนตึกก่อนไป๊ เดียวยัยนั่นจะลงแดงตายซะก่อนที่ไม่ได้เห็นหน้าแกน่ะ"
"ละแล้ว จะปล่อยให้เพื่อนรักของแกขึ้นไปคนเดียวเนี่ยอะนะ" อาคิราตีหน้าเศร้า มองหน้าศักดิ์ชัยด้วยสายตาราวน้องหมาถูกทิ้ง
"แกนี่นะ จะทำอะไรเป็นเองซักอย่างมั้ยเนี่ยย่ะ เออๆไม่ต้องมาทำหน้าตาเป็นลูกหมาลูกแมวโดนทิ้ง รอแป๊บขอชั้นเคลียตรงนี้ก่อน"ศักดิ์ชัยบ่นอุบแล้วก้มหน้าก้มตาง่วนกับกองงาน ของตัวเองต่อไป
".เออจริงสิ ฉันยังไม่โทรบอกพี่อาร์มเลยว่าวันนี้จะกลับค่ำหน่อย" อาคิราว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพี่ชาย แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายโน้นจะโทรมาพอดี อายทำหน้าแปลกใจก่อนกดรับสาย
"ค่ะ พี่อาร์ม"
"วันนี้มีซ้อมละครเวทีใช่มั้ย" อาร์มถาม
"เอ๋....พี่อาร์มรู้ได้ยังไงคะว่าอายมีซ้อมละครเวที นี่อายกำลังจะโทรมาบอกพี่อาร์มเหมือนกัน ว่าวันนี้คงกลับค่ำ" อายนิ่วหน้าแปลกใจว่าพี่ชายรู้เรื่องละครเวทีได้อย่างไร
"คุณแอมบอกน่ะ"อาร์มตอบ
"เห๋..พี่อาร์มรู้จักพี่แอมด้วยเหรอคะ ได้ไง" อาคิรายิ่งนิ่วหน้าแปลกใจหนักเข้าไปอีก นี่พี่ชายเธอรู้จักคุณหมอคนสวยตั้งแต่เมื่อไร
"ก็เจอที่ รร เจ้าข้าวน่ะ เอาเป็นว่าเรื่องมันยาว พี่ไม่มีเวลาอธิบายนะที่โทรมาเนี่ยจะบอกว่า อาทิตย์นี้ พี่มีสัมมนาที่ภูเก็ตนะ"
"อ้าว เดียวสิพี่อาร์ม แล้วใครจะดูเจ้าข้าวอะ อายมีซ้อมละครเกือบทุกวันนะพี่"
"ฟังก่อนสิเรา ก็ใช่ไง พี่ถึงโทรมาเนี่ย พี่ฝากคุณแอมให้ช่วยดูแลเราสองคนแล้วนะ ตอนที่พี่ไม่อยู่ทำตัวดีๆอย่าให้คุณแอมเค้าปวดหัวล่ะ" อาร์มอธิบาย

"ห๋า...อะไรนะพี่อาร์ม ใครจะมาดูนะ พี่อาร์มพูดชัดๆสิ" อายตกใจเมื่อได้ยินว่าใครจะเป็นคนคอยดูแลเธอและหลานชาย "ไม่ห๋าล่ะ คุณแอมไง พี่คุยกับคุณแอมเรียบร้อยแล้ว ตอนพี่ไม่อยู่ทำตัวกันดีๆล่ะ แค่นี้นะอายพี่ต้องรีบกลับไปเตรียมของอีก "

"ดะ..เดียวสิ ทำงี้กับอายได้ไง.....พี่อ๊าร์มมมมพี่อาร์ม.....ง่ะ" อาคิราตะโกนกลับไปแต่ก็ดูเหมือนว่า อาร์มได้วางสายไปก่อนเสียแล้ว
"เกิดไรขึ้นย่ะหล่อน ตะโกนซะดังเชียว" ศักดิ์ชัยที่เคลียงานเรียบร้อยแล้วเดินออกมาเจอเพื่อนนั่งหน้าตื่นอยู่หน้าห้อง
"พี่อาร์มจะไปสัมมนาที่ภูเก็ต" อายบอกหงอยๆพลางคิดว่าทำไมโชคชะตาถึงได้จงเกลียดจงชังเธอถึงขนาดนี้ ยิ่งพยายามหนีกลายเป็นต้องยิ่งเจอหน้า
"แล้วไงย่ะ พี่หล่อนก็ไปสัมมนาที่โน้นที่นี่ออกจาบ่อย "ศักดิ์ชัยจีบปากจีบคอบอก
"อาทิตย์หนึ่ง" อายบอกต่อ
"ทำไมไปนานจริง คราวนี้แกสองอาหลานจะอยู่กันยังไงเนี่ย แค่วันสองวันก็ว่าไปนี่เป็นอาทิตย์"ศักดิ์ชัยว่าต่อ
"พี่อาร์ม ฝากให้พี่แอมดูชั้นกะเจ้าข้าว...." อายพูดหงอๆมองหน้าเพื่อนรัก
"ห๋า...เอาแล้วสิ อายเอ๋ยแล้วจะไหวมั้ยเนี่ย" ศักดิ์ชัยทั้งนึกสงสารทั้งนึกขำเพื่อน
"ทำไงดีนังศักดิ์" อายถามอย่างจนปัญญา
"จะทำไรได้ย่ะ หรือหล่อนจะไปอยู่บ้านชั้นชั่วคราว หือ"
"ได้ไงล่ะ ขืนพี่อาร์มรู้ว่าทิ้งเจ้าข้าว ชั้นก็คอขาดกันเท่านั้น" แล้วอาคิราก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกครั้ง
"อ่ะๆแป๊บนะหล่อน อ่ะ..พี่ต้นโทรมา กรี๊ดๆรอแป๊บนะย่ะ" ศักดิ์ชัยดี๊ด๊าเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมาหา
"ทีเดียวล่ะ ผู้ชายโทรมาทำเป็นลืมเพื่อน" อายพูดประชดๆพร้อมค้อนขวับเข้าให้
"ค๊าค่าค่ะค่ะ....ได้ค่ะเดียวบอกยัยอายให้นะคะ...ค่ะๆ" ศักดิ์ชัย โต้ตอบเสียงเจี้ยวแจ้วก่อนที่จะเดินอมยิ้มมาหาเพื่อนรัก


"อะไร ยิ้มแปลกๆ" อายหรี่ตาสงสัยที่เห็นศักดิ์ชัยยิ้มแปลกๆเดินมาหา
"จะมีอารายย่ะ..ก็เรื่องหล่อนนะแระ ที่ไปโฮแตกเมื่อวานไง พี่ต้นเค้าบอกว่าแกพร้อมเมื่อไรค่อยกลับมาร้องก็ได้เค้าไม่บังคับแถมยังชมแก ใหญ่ว่าลูกค้าที่ร้านชอบเสียงแกอยากให้แกมาร้องเพลงอีก" ศักดิ์ชัยอธิบาย
"จริงง่ะ ขนาดนั้นเลย หืมๆเสียงชั้นนี่คงจะดีใชย่อยนะเนี่ย คนถึงอยากฟังอีก" อายอมยิ้ม
"ย่ะๆ.เสียงดี๊ดี ดีเหลือเกิ๊นๆ" ศักดิ์ชัยเบ้หน้า
"แน่ใจนะว่าชมน่ะ ทำไมเสียงแกมันสูงผิดปกติจริง" อายหรี่ตามอง
"ช่างชั้นเถอะย่ะ เข้าไปคนเดียวได้ใช่ม่ะ หรือต้องให้ชั้นเข้าไปด้วย" สองสาวเดินคุยกันมาเรื่อยเปื่อยจนถึงห้องพักอาจาร์ย
"แกรอนี่ก็ได้ ไม่นานหรอก หรือถ้ามีไรชั้นจะร้องเสียงดังๆรอพระเอกขี่ม้าขาวอย่างแกไปช่วยก็แล้วกันนะ" อายแลบลิ้นแซวเพื่อนก่อนจะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
"พูดยังงี้มันน่าช่วยมั้ยเนี่ย" ศักดิ์ชัยหัวเราะแล้วนั่งรอเพื่อนอยู่หน้าห้อง

"อาย....หายไปไหนรู้มั้ยว่าพี่...เออ....ครูเป็นห่วงเธอแค่ไหน" จินตนาตาโตพลางดีอกดีใจที่เห็นอาคิรามาหา
"อะ...เออ..ค่ะ..ขอโทษค่ะที่ทำให้เป็นห่วง" อาคิราตอบ
"ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ"จินตนามุ่ยหน้าน้อยๆราวกับงอนอาคิราที่อยู่ดีๆก็ เล่นหายไป ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ และทำท่าเหมือนจะโอบกอดสาวหน้าหวานไว้
อายเห็นแบบนั้นก็ตั้งหลักถอยหลังออกห่างมาอีก พร้อมกับมือเล็กๆที่เกี่ยวลูกบิดประตูพร้อมที่จะกระโดดออกไปข้างนอกได้ทุก เมื่อ หากถูกจู่โจม?
"เออ...คือหนูจะมาตอบตกลงเรื่องละครเวทีนะค่ะ"อาคิรายิ้มเก้อๆพยายามถอยห่างออกจากจินตนาที่ยังคงพยายามจะขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นอีก
"จริงเหรอ แหมดีจัง ครูคิดแล้วว่าต้องยอมเล่น ก็บทนี้น่ะมันเหมาะกะน้องอาย เออ.....คือเหมาะกับเธอมากๆเลยนะ" จินตนายิ้มกว้าง อย่างน้อยๆอาคิราก็หนีไปจากเธอไม่ได้ร่วมสามเดือนที่ทำการซ้อมละครเวที เรื่องนี้ เวลายังมีอีกเยอะแยะ อาคิราจะหนีเธอไปไหนเสีย
"แต่ว่า.....เรื่องไฟนอลโปรเจค....คือว่าอาจารย์จะช่วยพิจารณาอีกครั้งได้ มั้ยคะ" ไหนๆก็ยอมเล่นแล้วอาคิราจึงเอ่ยถามเรื่องสำคัญจนทำให้เธอต้องยอมเล่นละคร เวที ทั้งๆที่เธอไม่ได้มีความต้องการเลยก็ตาม
"ได้สิ..ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" ตอนนี้อะไรก็มาหยุดความดีใจของจินตนาไม่อยู่แล้วล่ะ เธอยิ้มหน้าบานอย่างห้ามไม่ได้ อาคิราได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ไม่รู้ว่าโชคชะตาวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
"ละ...แล้วจะเริ่มซ้อมกันเมื่อไรคะ เย็นนี้เลยหรือเปล่า" อาคิราเอ่ยถามอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้รีบๆออกไปจากห้องนี้เสียที
"อ๋อยังหรอกค่ะ วันนี้แค่ให้มาประชุมชี้แจงรายละเอียดเรื่องต่างๆก่อนนะ ส่วนเรื่องซ้อมจะเริ่มอาทิตย์หน้า" จินตนาอธิบาย แล้วจึงหยิบบทละครเล่มหนาปึก ที่แค่อาคิราเห็นความหนาของมันที่น้องๆสมุดหน้าเหลืองแล้วเธอก็ชักจะเริ่ม ถอดใจ
"นะ...หนาขนาดนี้เลยเหรอคะ" อายยิ้มแหย๋ แล้วกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
"แหมแค่นี้เอง ยังไงอายลองเอาไปอ่านดูก่อนนะแล้วถ้ามีปัญหาอะไร หรือไม่เข้าใจ มาถามอาจารย์ได้ทุกเมื่อเลยนะ" จินตนายิ้มพราว ยื่นบทละครปึกหนาให้อาคิราโดยที่ไม่ลืมจะขยับเข้าใกล้มากขึ้นจนอายที่เผลอ เกือบจะหลุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้าซะแล้ว.
"งั้นเอ่อ...หนูไปรอที่โรงละครคณะเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ" อาคิรารีบพูด แล้วปลีกตัวออกมาทันที ไม่ทันที่จินตนาจะขยับปากพูดอะไรอีก
หลังจากที่รอดชีวิต? อาคิราก็ออกมายืนหอบตัวงออยู่หน้าห้อง ศักดิ์ชัยที่เห็นท่าทางตื่นๆของเพื่อนก็พอจะรู้ว่า จินตนาคงจะมาลูกไม้เดิมอีกแล้ว รอให้ลูกแกะเป๋อเหรอเผลอ จ้อง ประชิด จับกด แล้วขย้ำ
"ว่าไงล่ะ รอดมาได้ไงเนี่ย โหะๆ ไม่น่าเชื่อ" ศักดิ์ชัยหัวเราะคิกคักประชด
"ไม่ต้องพูดมากเลย เห็นมั้ยอะไรในมือ เดียวก็ซักป้าบหรอก" หลังจากที่เดินลงมาจากตึกอายก็
มานั่งหน้าเบ้ที่โต๊ะประจำ อาคิราก็ถอนหายใจอีกเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้
"เอ๋แกนิ ถอนหายใจเป็นคนแก่ไปได้ แหมๆบางแค่นี้เอง อาคิราสามารถอยู่แล้ว" ศักดิ์ชัยขำกับท่าทางของเพื่อน
"ขอบคุณ ช่วยได้เยอะเลยนังศักดิ์" อายเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาเคืองๆ
"อย่าว่าแต่สามเดือนเลย..เป๋อๆเอ๋อๆอย่างแกนะ ครึ่งปีให้จำให้หมดเห๊อะ" ศักดิ์ชัยว่าอีกพลางยิ้มเยาะ
"ขอบใจย่ะ นังเพื่อนที่รักสำหรับกำลังใจ" อาคิราแกล้งฉีกยิ้มกว้างประชด แล้วเอาคางเกยบนบทละครเล่มหนาเซ็งๆ
"ไม่เอาล่ะ ขี้เกียจเถียงด้วย ชั้นไปร้านพี่ต้นดีกว่าส่วนแกก็เชิญรอรับชะตากรรมไปนะย่ะ" ศักดิ์ชัยยิ้มหน้าระรื่นแล้วรีบโกยเครื่องประทินโฉมที่วางอยู่เกลื่อนโต๊ะ ลงกระเป๋าถือลายคิตตี้สีชมพูหวานแหวว

"อ้าวแล้วชั้นอะ จะกลับไง" อายโพลงตาขึ้นมามองหน้าเพื่อนรัก
"เอ้าแกนิ 4ข้อเลือกเองนะย่ะ
1..ก็รอคุณหมอคนสวยมารับไง ก็ไหนแกว่าพี่อาร์มฝากชีวิตน้อยๆของแกกะเจ้าข้าวไว้แล้วนี่
2.ก็ยัยจินตนาไงย่ะ ขานั้นรับรองอาสาไปส่งแกถึงเตียงแน่ๆคิคิ
3 ก็โบกรถเมล์กลับสิย่ะ แค่3-4ทุ่ม รถเมล์ยังมี แต่ขาต้องแข็งแรงหน่อยนะจ๊ะ
และข้อสุดท้าย แกเลิกประชุมเมื่อไรก็ โทรมาแล้วกัน แล้วสาวสวยอย่างชั้นจะมาอัญเชิญแกกลับบ้านเอง เป็นไง เลือกเอา ข้อไหน”
"ก่อนเลือกขอนาบไอ้เล่มนี้ลงบนกะบาลของแกก่อนได้มั้ย" อาคิราฟึดฟัด พลางใช่สองมือแบกบทละครเล่มโตจะทุ่มใส่เพื่อนรัก

"เดียวชั้นเสียโฉม สมองเอ๋อว่าไง ไม่เอาล่ะไปดีกว่า" แล้วศักดิ์ชัยก็เดินบิดสะโพกจากไป ทิ้งให้อาคิรากระแทกตัวนั่งลงหน้ามุ้ย หายใจฟึดฟัดอยู่คนเดียว ในเมื่อดูเหมือนจะเลี่ยงไม่ได้ซะแล้วอาคิราจึงตัดสินใจจะลองเผชิญกับมันดู ซักตั้งเธอจับเจ้าปึกกระดาษเอสี่ ที่ความหน้าเกือบ1รีม ค่อยๆพลิกอ่านบทไปทีละบรรทัด ละครเวทีที่เธอจะต้องแสดงดูเหมือนจะกึ่งๆละครเพลง มีเนื้อเพลงหลากหลายนับสิบเพลง อาคิราค่อยยิ้มออก ให้เธอร้องเพลงกับให้เธอท่องบท ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอจะเลือกอะไร

"ความรัก โชคชะตา ความตาย" อายนิ่วหน้าเมื่อเห็นชื่อเรื่อง แค่ชื่อเรื่องก็ดูเหมือนจะเรียกความสนใจในตัวเธอขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น บทที่จินตนาให้มาจะเป็นแบบไหนกันนะ เธอเริ่มไล่สายตาบรรทัดต่อบรรทัด พอจะจับได้ว่าเธอต้องเล่นเป็นตัวเอก ที่ชื่อศิริน มีแบ็กกราวตอนเด็กที่ไม่ค่อยจะปกติเท่าไรนัก เห็นแม่ตัวเองถูกข่มขืนในขณะที่พ่อตัวเองถูกยิงตาย และรอยสักรูปกางเขนกลับหัวที่หัวไหล่ของคนร้ายที่เธอแอบเห็นขณะซ่อนอยู่ใน ตู้เสื้อผ้า.... เติบโตมาในบ้านอุปการะ โดยชีวิตที่เหลืออยู่มีเพียงต้องการแก้แค้นให้บุพการีเท่านั้น ความแข็งกระด้างที่ก่อเกิดเป็นกำแพงหนาขวางกั้นเธอกับบุคคลภายนอก ถูกทำลายในวันหนึ่งโดยชายแปลกหน้าที่เข้ามาหยิบยื่นความอ่อนโยนเข้าสู่หัวใจ เธอทีละน้อยๆจนเกิดเป็นความรัก....แต่ก็ช่างเป็นความรักที่แสนขมขื่นนัก เมื่อได้รู้ว่า ชายคนที่เธอรักนั้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคนที่เธอต้องการจะฆ่า....จนใน ที่สุดโศกนาฏกรรมความรักก็เกิดขึ้น จุดจบที่ลงท้ายด้วยความตายของตัวละครทั้งหมด....
"อือหื้อ.....จะไหวมั้ยเนี่ย" อายกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นบทพูดของตัวเองที่ยาวร่วม3หน้ากระดาษโดยไม่มีบทพูดของตัวละครอื่น เลยซักบรรทัดเดียว
"พี่อายได้เวลาแล้วครับ" รุ่นน้องปีสามที่เห็นเธอนั่งอ่านบทอย่างเอาเป็นเอาตายเอ่ยทัก เธอจะพยักหน้ารับ แล้ว รีบแบกเจ้าเอสี่ปึกหนาตามรุ่นน้องไป
การประชุมผ่านไปได้ด้วยดี มีเพียงอาคิราเท่านั้นที่ดูเหมือนจะหวาดระแวงทุกๆครั้งที่จินตนาเดินมาใกล้ เธอยิ้มแหย๋ๆแล้วแกล้งหลบไปด้านหลังของรุ่นน้อง

"หนีให้ตลอดนะ" จินตนานึกในใจขณะกำลังแนะนำบทของตัวละครว่าควรจะแสดงอย่างไรถึงจะเข้าถึงจิต วิญญาณของตัวละครมากที่สุด "ถ้างั้น ก็ไปท่องบทล่วงหน้ากันมาด้วยนะ แล้วอาทิตย์หน้ามารวมตัวกันที่นี่อีกครั้ง ตอน บ่ายสี่โมงนะ เอาล่ะปิดประชุมได้" จินตนาว่า เสียงคุยจอกแจกของเหล่าบรรดานักศึกษาดังระงม อาคิราเตรียมตัวจะเดินออกจากหอประชุมแต่ก็โดน จินตนาทักขึ้นซะก่อน เธอชะงักหดคอราวกับโดนดุ ค่อยๆหันมายิ้มแหย๋ๆให้อาจาร์ยสาว"กลับยังไงเหรออาย มืดแล้วนะ ให้ครูไปส่งมั้ย" จินตนารีบเดินมาหาแล้วรั้งข้อมือเล็กๆนั้นไว้

"อะเออ คือว่า.....ว่า" เหมือนโดนจู่โจมระรอกสองโดยไม่ทันตั้งตัว อาคิราจึงเอาแต่ก้มหน้า พลางนึกว่าจะทำอะไรต่อไปดี
"มืดแล้วอันตรายนะ ผู้หญิงตัวคนเดียว ครูเป็นห่วงให้ครูไปส่งดีกว่านะ" จินตนายิ้ม แล้วลากอาคิราที่ยังยืนอึ้งๆอยู่ไป
"อาอายยยยยย" เสียงเล็กๆดังขึ้นราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิตน้อยๆของเธอไว้ได้ เจ้าตัวเล็กแก้มป่องหลานชายสุดที่รักมาได้โอกาสเหมาะจริงๆ
"ข้าว มาได้ไงเนี่ย" อาคิราแกะมือเรียวที่จับข้อมือของเธอออก แล้วรีบวิ่งเข้าไปหาหลานชายตัวจ้อย เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า การเจอกับต้นข้าวครั้งนี้เป็นครั้งที่เธอดีใจที่สุด
"หวัดดีคับ...ป้า" ต้นข้าวยิ้มตาหยี ยกมือไหว้จินตนาอย่างน่าเอ็นดู ตัวต้นข้าวเองเคยเจอจินตนาแค่ครั้งสองครั้งก็พอจะรู้ว่าจินตนาเป็นอาจารย์ ของอาของเขา แต่ก็ไม่ค่อยถูกชะตามากนัก แถมยังแอบฟังวีรกรรมร้ายๆเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้มาจากศักดิ์ชัยอีก ยิ่งทำให้เจ้าตัวเล็กไม่ชอบหน้าจินตนาเข้าไปใหญ่

"เรียกพี่ดีกว่ามั้งคะ ครูไม่ได้อายุมากขนาดนั้น" จินตนาหน้าชา ยิ้มมุมปากแหย๋ๆ
"ข้าวมากับใคร พี่แอมเหรอ" อาคิราถามหลานชายตัวเล็กเบาๆ
"อือ มากะเมย์แล้วก็คุณหมอ" เจ้าตัวเล็กอธิบาย
"แล้วรู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่" อายซักต่อ
"ป้าศักดิ์โทรบอกข้าวว่า วันนี้อาอายมีซ้อมละครเวที" เจ้าตัวดีฉีกยิ้มบอก
"ยัยตัวแสบ" อายนึกในใจ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างสูงเพรียวที่เธอพร่ำพยายามจะลืมมาตลอดทั้งวัน

แอมส่งยิ้มหวานๆมาให้คนตัวเล็กที่แกล้งหลบสายตาของเธอ แล้วมีหรือที่จินตนาจะไม่สังเกตเห็นรอยยิ้มแบบนั้นมันช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ ทำไมต้องยิ้มแบบนั้นให้อาคิราด้วย รังสีอิจฉาริษยาพลันบังเกิด เธอเอื้อมมือไปดึงข้อมือของอาคิราไว้อีกครั้ง แล้วแสดงความเป็นเจ้าของอย่างออกนอกหน้า
"น้องอายเสร็จธุระรึยังคะ” แอมถามกลับเสียงเรียบไม่คิดจะสู้ทางสายตากับจินตนา
"เอ่อ...เสร็จแล้วค่ะกลับกันเลยก็ได้" อายพยายามจะแกะมือที่จับมือของเธอออกอย่างยากลำบาก


"กลับกับครูก็ได้มั้ง" จินตนายังไม่ยอมแพ้สาวสวยที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอยังไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆ แอมเหลือบมองมือเล็กๆของอายที่ยังไม่หลุดจากพันธนาการของผู้หญิงตาคมตรงหน้า เสียที เธอเริ่มไม่พอใจอาการเกาะแกะของจินตนา อะไรกันผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้ขนาดนี้

"คุณพ่อบอกให้อาอายกลับกะคุณหมอแอม คุณป้าปล่อยมือได้แล้ว"
"แต่ว่า...เอ่อ...." จินตนาพยายามจะนึกหาข้ออ้างรั้งตัวอายไว้ให้ได้แต่ดูเหมือนจะจนด้วยเหตุผล ในที่สุดเธอก็ยอมปล่อยข้อมือของอาคิรา....แอมอมยิ้มนึกชื่นชมเจ้าหลานชายของ อาคิราขึ้นมาทันที
"งั้นก็กลับกันเถอะค่ะ อ่ะ…น้องอายอะไรติดแก้ม" แอมนึกอยากลองแก้เผ็ดผู้หญิงที่ทำท่าทางราวกับเป็นเจ้าของสาวหน้าหวานดูซักที
"คะ...อะไรนะ"อายถามงงๆที่อยู่ดีๆแอมก็ทัก แถมยังดึงตัวเธอเข้าไปใกล้จนเกือบชิด แล้วใช้ปลายนิ้วแกล้งปัดลงบนแก้มนุ่มๆของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความ อาย
"ฝุ่นน่ะค่ะ ระวังหน่อยสิคะคนดี ถ้าเกิดเข้าตาขึ้นมาจะอักเสบเอานะ " แอมยังไม่หยุดง่ายๆเธอก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานของอายมากขึ้นแล้วบรรจง เป่าเบาๆ จนริมฝีปางบางระเรื่อสัมผัสบนแก้มนุ่มอย่างตั้งใจ

"เห๋...." อายตกใจปากคอสั่น เอามือลูบแก้มที่บังเอิญโดนริมฝีปากของคุณหมอ แอมเหลือบมองอาจารย์สาวหน้าคมที่ยังยืนถมึงทึงกำมือแน่น เธอยิ้มแล้วปล่อยตัวอาคิราให้เป็นอิสระ
"งะงั้น....หนูกลับแล้วนะคะอาจารย์ สวัสดีค่ะ" อาคิราว่าแล้วรีบก้มหน้างุดๆจูงมือเจ้าข้าวออกไป

หลังจากอาคิราเดินออกไปแล้ว แววตาคมๆของจินตนาก็หันมาจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานๆของหมอแอม
แอมรู้ได้ในทันทีตั้งแต่แรกว่า ผู้หญิงคนนนี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเพียงอาจารย์ของอาคิราแน่ เธอต้องการจะเป็นมากกว่านั้น แอมยิ้มหวานส่งให้อีกครั้ง
"ขอตัวก่อนนะคะ อาจารย์" แอมว่าแล้วหันหลังเดินตามอาคิราออกไป
"อย่าคิดนะว่าชั้นจะยอมง่ายๆ" จินตนานึกในใจแล้วเดินออกประตูอีกฟากของหอประชุมด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น