Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
 
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท

1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252  บาท

วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
  >>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
 
 
 

12.7.55

Captivated Clumsy 03

วันนี้สาวน้อยหน้าหวานที่แอบเปิ่นนิดๆก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เข้ามาในมหาลัย เธอเดินตรงดิ่งไปที่โต๊ะประจำที่อยู่ข้างตึกคณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่มีศักดิ์ชัยเพื่อนรักของตัวเองกำลังบรรจงพอกหน้าด้วยตลับแป้งพัฟ

"แหมอารมณ์ดี ยิ้มหน้าบานมาแต่เช้าเชียวนะย่ะ หารู้ไม่คอตัวเองจะขาดอยู่ร่อมร่อ" ศักดิ์ชัยเมื่อเห็นเพื่อนเดินยิ้มหวานมาก็เกิดอาการหมั่นใส้เล็กๆจึงเอ่ยทัก ไป ให้อาคิราเบ้หน้าพร้อมกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ม้าหินอ่อน

"คนกำลังอารมณ์ดี ทำเสียมู้ดหมด" อาคิราต่อว่าศักดิ์ชัยที่เหลือบมามองเล็กน้อยแล้วตั้งหน้าตั้งตาทามาสคาร่า ที่ขนตาของตัวเองอย่างบรรจงต่อไป
"ไม่ต้องมาทำอารมณ์เสียใส่ชั้นเลยนะย่ะ เรื่องของตัวเองแท้ๆเดียวปั๊ด" ศักดิ์ชัยว่าแล้วส่งค้อนงามๆให้อาคิราซะ หนึ่งทีก่อนที่จะเปลี่ยนไปหยิบลิปสติกสีปหวาน ขึ้นมาทาบนริมฝีปาก

"เออ...ว่าแต่คราวนี้เขาจะเอาอะไรอีกล่ะ" อาคิราบ่นเนื่อยๆแล้วฟุบหน้าลงบนหนังสือเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เขาในที่นี้อาคิราหมายถึง อาจารย์สาวประจำภาควิชาศิลปกรรมศาสตร์นั่นเอง เธอรับรู้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มเรียนกับอาจารย์คนนี้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ สายตาที่มองเธอไม่เหมือนสายตาของอาจารย์ ที่มองหรือเอ็นดูลูกศิษย์แต่อาคิราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนเพื่อนรักอย่างศักดิ์ชัยต้องคอยเตือนเธอว่าอย่าไปสนิทสนมอะไรกับอาจารย์คน นี้มากนัก โดยที่เพื่อนรักมักจะคอยบอกอยู่เสมอๆว่า "ผีเห็นผีย่ะ" แต่เมื่อขึ้นปีสาม วิชาที่ว่าด้วยการแสดง(acting) อาจารย์คนนี้มักจะคอยรุ่มร่ามกับเธอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จนครั้งหนึ่งเธอเกือบจะโดน อาจารย์คนนี้จูบเอาเสียด้วยซ้ำ ดีที่ได้อัศวินขี่ม้าขาวอย่างศักดิ์ชัยเข้ามาขัดจังหวะซะก่อน ทำให้เธอรอดตัวไปอย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นความไว้เนื้อเชื่อใจ ความเคารพที่เคยมีในอาจารย์ท่านนี้สำหรับเธอแล้วแทบจะไม่มีเหลือ
"แกได้ดูที่บอร์ดรึยังว่าละครเวทีปีนี้น่ะใครได้เล่นเป็นอะไร" ศักดิ์ชัยเปรย
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชั้นล่ะชั้นไม่ได้ไปลงชื่อสมัครนิ" อาคิราแย้ง
"หึๆ งั้นก็เชิญไปทอดพระเนตร ดูนะเพค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น" ศักดิ์ชัยยักไหล่พร้อมยิ้มมุมปากบอก
"อารายอีกอะ แกนิ บอกมาเลยก็ไม่ได้ เออๆเดียวชั้นมา" ว่าแล้วอาคิราก็เดินปึงปังดิ่งไปที่บอร์ดประกาศที่อยู่ไม่ห่างนัก
ระหว่างที่อายกำลังอยู่ในอารมณ์เซ็งๆเมื่อนึกถึงหน้าอาจารย์สาวตัวต้นเหตุ ยิ่งเกลียดก็เหมือนยิ่งเจอ อาจารย์สาวกำลังยืนคุยอยู่กับนักเรียนคนอื่นๆเสียงดังจอแจ ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็จำใจต้องเดินไปดูที่บอร์ดที่อยู่บริเวณนั้น

"อาย" เสียงเล็กๆร้องทักขึ้น อายฝืนยิ้มพร้อมยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้าไปหา
"ค่ะ อาจารย์" อาคิราตอบเบาๆ ยืนก้มหน้าอย่างสำรวม ไม่ใช่ว่าเธอเป็นคนเรียบร้อยหรือรู้กาลเทศะอะไรหรอกนะ เธอไม่อยากมองหน้าอาจารย์สาวคนนี้มากกว่า ทั้งๆที่ตัวของอาจารย์คนนี้เองก็ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในภาควิชานี้แล้ว และก็มักจะมีทั้งอจารย์ชายและนักศึกษาทั้งรุ่นเล็กอย่างพวกปีหนึ่งและรุ่น ใหญ่ อย่างพวกเพื่อนๆเธอตามจีบกันให้จ้าละหวั่น แต่เธอกลับไม่สนใจ กลับมาสนใจในตัวอาคิราเสียนิ แล้วก็ไม่รู้เป็นอย่างไร อาคิรากลับไม่คิดจะนึกชอบใบหน้าสวยๆนั้นเลยซักนิด

"ดีใจด้วยนะ"การกระทำไวกว่าคำพูด อาจารย์คนสวยถือโอกาสที่อาคิรายืนอยู่ใกล้ๆเอื้อมมือไปบีบต้นแขนอายเบาๆ ราวกับต้องการแสดงความยินดีด้วย
"ดีใจ?เรื่องอะไรคะ" อาคิรานิ่วหน้าไม่เข้าใจว่าอาจารย์สาวต้องการพูดถึงเรื่องอะไร ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกมาเมื่อดูเหมือนระยะห่างที่เธอรักษาไว้ดูจะถดถอยลง เมื่อจินตนาขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น

"อะอ้าว ยังไม่รู้อีกเหรอว่าอายน่ะได้บทนำในละครเวทีเรื่องใหม่ของครูเลยนะ" จินตนาบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วลิ่วตา ยิ้มให้อาคิรา
"อะไรนะคะ ดะ..เดียวก่อนสิคะอาจารย์!!!!.หนูไม่ได้ไปแคสติ้งนี่ ตอนรับสมัครหนูก็ไม่ได้ลงชื่อ...แล้วทำไม" อาคิราทำสีหน้าบอกไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าอาจารย์สาวสวยคนนี้ต้องการอะไรจากเธอกันแน่

"แหม น้องอายละก็ ก็ครูเห็นว่าเราดูจะเหมาะกับบทนี้นี่คะ อีกอย่างไฟนอลโปรเจ็คของอายก็ดูเหมือนจะไม่ผ่านด้วยนี่นา ถ้าอายยอมตกลงเล่นละครเวทีเรื่องนี้ ครูอาจจะพิจารณาโปรเจคที่อายส่งมาอีกครั้งก็ได้นะคะ" จินตนาบอก โดยไม่รู้เลยว่าอาคิรากำลังลำบากใจและกระอักกระอวนแค่ไหน ก็ไม่ใช่เพราะอคนนี้หรอกเหรอที่ไม่ยอมให้โปรเจคเธอผ่านซักทีทั้งๆที่อาจารย์ ท่านอื่นในภาควิชาก็ลงความเห็นว่าโปรเจคที่เธอนำเสนอนั้น สามารถผ่านได้อย่างสบายๆ
“แต่ว่าหนู หนูไม่มีเวลานี่คะ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมละครเวทีให้อาจารย์ได้ล่ะคะ" อายพยายามอธิบายถึงเหตุผลว่าธอคงไม่สามารถทำตามอย่างที่จินตนาบอกได้

"ไม่มีเวลา ไม่มีได้ไงละคะ ก็ครูเช็คตารางเรียนของเราแล้ว อายเหลือเรียนไม่กี่ตัวเองนี่นาเวลาเหลือเฟือเลย ช่วย ครูหน่อยนะ บทนี้เหมาะกับเรามากจริงๆนะคะ หรือถ้ายังไม่มีเวลาจริงๆเดียวครูจะช่วยซ้อมให้เป็นการส่วนตัว" ว่าแล้วจินตนาก็กระเถิบเข้ามาใก้ลอายมากขึ้นอีก จนตัวแทบจะติดกันอยู่แล้ว

"กรี๊ดดดด" เสียงกรีดร้องหวีดแหลมดังขึ้น ทำให้จินตนาที่กำลังจะเข้าใกล้อายมากขึ้นอีกต้องสะดุ้งถอยตัวออกห่าง
"กรี๊ดดดดแมงสาปแมงสาปค๊าๆ" เป็นใครอื่นคงไม่ได้แล้วล่ะเสียงแบบนี้ยอดหญิงหนึ่งเดียวนามศักดิ์ชัยนั่น เอง ศักดิ์ชัยเห็นว่าอาคิราแค่เดินมาดูบอร์ดแค่นี้ทำไมถึงนานนัก เขาเลยตัดสินใจขึ้นมาตาม และภาพที่ได้เห็นแทบจะเหมือนเดิมในทุกๆครั้ง ที่เห็นจินตนาพยายามจะทำตัวรุ่มร่ามกับเพื่อนของเธอ แถมเพื่อนของเธอก็ยังบื้อไม่รู้จักหลบจักหลีกทำให้ผู้หญิงที่แสนจะบอบ บางอย่างเธอต้องค่อยปกป้องเพื่อนรักอยู่เสมอๆ และคราวนี้ก็อีกเช่นกัน เธอกรีดร้องเสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจก่อนจะฉุดแขนของเพื่อนรักให้ถอย ห่างมาอยู่ด้านหลังเธอ
หลังจากมองดูที่พื้นแล้วไม่เห็นแมงสาปอย่างที่ศักดิ์ชัยอ้าง อาจารย์สาวถึงรำลึกขึ้นมาได้ทันทีว่า กำลังโดนขัดจังหวะ เธอเชิดหน้าแล้วบอกให้อายกลับไปคิดทบทวนให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของไฟนอลโปรเจ็ค

"เป็นไงล่ะย่ะ ยืนนิ่งเป็นลูกแกะรอยัยนั่นมาเขมือบรึไง"ศักดิ์ชัยค้อนขวับใส่อายอย่างไม่พอ ใจ พลางมองหน้าของเพื่อนรักที่งองุ้มเป็นจวัก บ่ายนั้นหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จอาคิราก็เดินคิดเรื่อยเปื่อย พลางถอนหายใจแล้วทรุดนั่งลงที่โต๊ะประจำราวกับมนุษย์ไร้วิญญาณ
"เฮ้ออออ"เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่อายเอาแต่ถอนหายใจ จนเพื่อนรักอย่างศักดิ์ชัยในที่สุดก็ทนคันปากไม่ได้จึงต้องถามเรื่องราว ทุกข์ใจของเพื่อนรัก

"ต๊ายตายยย ยัยนั่นกล้าทำถึงขนาดนั้นเชียวเร๊อะ" อาคิราเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศักดิ์ชัยฟัง แม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้แต่เธอก็รู้สึกดีขึ้นที่ได้เล่าให้ใครซักคนฟัง "อือ"อายตอบสั้นๆแล้วเอาคางเกยที่โต๊ะหินอ่อนก่อนจะถอนหายใจออกมาอีก

"แล้วแกจะเอายังไงยัยนั่นน่ะใหญ่ที่สุดในภาคแล้วนะย่ะ ไม่มีใครกล้าหือกับเจ้าหล่อนร๊อก แล้วคร๊ายยยยครายจะช่วยแกได้ล่ะเนี่ย ซวยจริ้งจริง เด็กในภาคมีเป็นร้อยเป็นพันไม่สนใจ ดันมาสนใจยัยเป๋ออย่างแกเนี่ยนะ"ว่าแล้วศักดิ์ชัยก็ถอนหายใจตามเพื่อนรัก บ้าง

"จะช่วยชั้นแก้ปัญหา หรือจะซ้ำเติมให้มันหนักขึ้นกันแน่เนี่ย" อายมองค้อนเพื่อนรักอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
"แหมแหม แค่นี้ทำเป็น ไม่ช่วยแกแล้วชั้นจะไปช่วยชะนีที่ไหนย่ะ"ศักดิ์ชัยจีบปากจีบคอตอบกลับมา
"หรือเป็นเพราะว่าแกไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับชาวบ้านเค้าซักที ยัยนั่นถึงยังไม่เลิกวุ่นวายกับแก ทั้งๆที่ตอนที่แกคบกับ.....อุ๊บ" ศักดิ์ชัยรีบเอามือตะปบปากตัวเอง เธอลืมไปเสียสนิทว่าไม่ควรพูดถึงอดีตคนรักของอาคิรา
"ช่างเถอะ พูดมาเหอะชั้นทำใจเรื่องพี่แพรได้นานแล้ว" เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าจะเอ่ยชื่อนั้นตรงๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ แค่เพียงสิ่งเล็กน้อยที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นจะทำให้เธอต้องร้องไห้ได้ ทุกๆครั้ง ศักดิ์ชัยเองถึงกับประหลาดใจ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเพื่อนรักของเธอจะสามารถทำใจยอมรับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ได้

"ว่าไงล่ะ พูดต่อสิ"เมื่อเห็นท่าทางอึ้งๆของเพื่อนก็เลยบอกให้เพื่อนพูดต่อไป
"แกไม่สบาย ปวดหัวตัวร้อน มีไข้รึเปล่าย่ะเนี่ย" ศักดิ์ชัยทำท่าตกใจเอามือแนบอก
"นังศักดิ์" อาคิราตวาด แล้วมองค้อน
"ย่ะๆ แหมก็เห็นแกหายจากอาการเศร้าซึมได้ แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้รึไงย่ะ ก็ชั้นหมายถึงตอนที่แกคบกับพี่แพรน่ะ ยัยนั่นก็ไม่ค่อยจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับแกอีก แต่พอพี่แพรไม่อยู่ ยัยนั่นก็ดันคัมแบ็กมาซะได้"
"แล้วแกจาให้ชั้นทำไงล่ะ หาแฟนใหม่หรือไง" อายบ่นเบาๆ
"อ่ะๆปิ้งป่องถูกต้องน้าคร๊า"
"ประสาท แฟนนะไม่ใช่ขนมจีบ ซาลาเปาเซ่เว่น" อายนิ่วหน้าราวกับต้องการจะบอกเพื่อนว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
"เฮ้อ แล้วจะเอายังไงล่ะ หรือยอมๆยัยจินตนาไปจะได้หมดเรื่องล่ะย่ะ" ศักดิ์ชัยชักเริ่มรำคานที่แนะเพื่อน แต่ดูเหมือนอาคิราจะไม่เห็นด้วยซักเรื่อง
"ม๊ายอาววว" เธอเบ้หน้าราวเด็กกำลังจะร้องไห้ พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาที่ศักดิ์ชัย
"เห้อ...เอางี้แล้วกัน แกก็ตกลงไปเห๊อะจะได้จบเรื่องโปรเจ็ค แต่ก็อยู่ห่างๆยัยนั่นไว้เข้าใจมั้ย แล้วช้านจะคอยมาดูเป็นระยะๆ โอเคมั้ย"

"ม่าอาวววอ่ะ"อายปฎิเสธแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวัน
"แล้วแกจะเอายังไง ชั้นก็จนปัญญาเหมือนกันนะย่ะ" ศักดิ์ชัย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่ออายเริ่มทำตัวเป็นเด็กพูดไม่รู้เรื่องเอาแต่งอแง
"แกก็ไปเล่นละครเวทีกับชั้นด้วยสิ ดีไม๊" อายแน่ะ
"บ้า ชั้นเรียนแฟชั่นดีไซน์นะย่ะ เรื่องละคงละครเวที ชั้นคงรู้เรื่องกับเค้าหรอกนะแกนิพูดอะไรไม่คิด" แล้วศักดิ์ชัยก็ค้อนงามๆส่งมาให้เพื่อนรัก
"เห๋....แกอะทิ้งเพื่อนนนนน”
"เห้อ...ให้ชั้นทำอย่างอื่นยังจะดีกว่า"ดูเหมือนสายตาอ้อนวอนจะไม่ได้ผล อยู่ดีๆความคิดใสปิ๊งก้ผุดขึ้นมาให้หัวของอาคิรา
"แกๆ เอกคณะถาปัต เล่นเรื่องนี้ด้วยนะเอ้า" อาคิรายิ้มกว้าง และก็ดูเหมือนจะได้ผล ศักดิ์ชัยหูผึ่งขึ้นมาในทันที
"กรี๊ดดดด จริงเหรอย่ะตายๆ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ตายแล้วๆ นี่เค้าแคสติ้ง บทครบหมดหรือยังเนี่ย" ศักดิ์ชัยวี๊ดว๊าย เมื่อชายในดวงใจ นายเอกสุดหล่อแห่งคณะสถาปัตก็ได้รับเลือกให้เล่นละครเรื่องนี้เช่นเดียวกับ อาคิรา
"เหอะๆ แกนี่รักเพื่อนจริงๆนะเนี่ย..." อายหน้างอเมื่อเห็นอาการดีใจจนออกนอกหน้าของศักดิ์ชัย
"เชอะไม่ต้องพูดมากเลยไงไงชั้นก็ต้องช่วยแกอยู่แล้วส่วนเรื่องเอกน่ะ มันผลพลอยได้ย่ะ" ศักดิ์ชัยกรีดนิ้วอธิบาย ให้อายส่ายหน้าน้อยๆแล้วก็หัวเราะออกมา

และแล้วเวลานัดก็ใกล้มาถึง อีกไม่ถึงชมก็จะเป็นเวลาทุ่มตรง ศักดิ์ชัยและต้นข้าวกำลังนั่งเล่นเกมเพล์สเตชั่นอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ชั้น ล่าง เช่นเดียวกะอาคิราที่กำลังเลือกชุดที่จะใส่ไปทานข้าวกับหมอแอมอย่างเอาเป็น เอาตายอยู่บนห้องเช่นกัน

"เอ๋อาอายหายไปบนห้องเป็นชมแล้วนะ ทำอารายอยู่ก็ม่ารุ" เจ้าข้าวเริ่มสงสัยเมื่อเห็นว่าอาสาวของตัวเองตั้งแต่กลับมาถึงบ้านก็รีบ วิ่งจี๋หายขึ้นไปบนห้อง
"จะไปรู้เรอะย่ะ เป็นห่วงก็ขึ้นไปดูเองสิ"ศักดิ์ชัยตอบ แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่จอสี่เหลี่ยมขนาด 50 นิ้วเบื้องหน้า"ใครบอกข้าวเป็นห่วง ม่าเคยอะ"เจ้าตัวเล็กรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน แต่สายตาก็ยังคอยมองอยู่ที่บันไดบ้านเป็นพักๆ

"ปากแข็งนะย่ะ รอนี่แหละเดียวชั้นไปดูเอง"ศักดิ์ชัยมองค้อนเจ้าหลานชายตัวเล็ก แล้วจึงเดินขึ้นไปดูว่าอายทำอะไรอยู่บนห้องเป็นานแสนนาน
"ยัยอ๊ายยยัยอายยยย ขึ้นมาทำอะไรย่ะหล่อน"ศักดิ์ชัยตะโกนร้องเรียกอาย โดยที่เจ้าตัวเองก็กำลังยืนหน้างุ้มอยู่หน้ากระจกไม่รู้จะใส่ชุดอะไรไปดี

"อืม...หืม....เดียวลงไปเดียวไป" อายตะโกนตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
"ทำอะไรอยู่ย่ะ" ศักดิ์ชัยพึมพำแล้วจึงตัดสินใจผลักประตูห้องเข้าไป "ต๊ายยยยยแล้วหล่อนทำไมมันถึงได้รกเละเทะอย่างนี้ล่ะ"ศักดิ์ชัยทำตาโตเมื่อ เห็นสภาพห้องของเพื่อนที่มีทั้งกองเสื้อ,กางเกง,กระโปรง,เครื่องประดับ วางกองเกลื่อนเต็มพื้นและบนเตียง
"ก็เห็นๆอยู่ยังจะถาม เลือกชุดไงแกมาก็ดีแล้ว ไหนลองใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ ว่าชั้นจะใส่ชุดไหนไปทานข้าวกับ....เอ่อออ อุ๊บ..."อายทำตาโตลืมเสียสนิทว่ายังไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอไปแอบชอบคุณหมอคน สวยเข้าให้เพื่อนรักฟัง"ทาน...ทานอะไรกับใครย่ะ หรือว่าช่วงที่แกเดียวยิ้มหน้าบาน เดียวอารมณ์ดีก็เพราะ..."ศักดิ์ชัยหรี่ตามองเพื่อนที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก อย่างส่อพิรุธ

"ป๊าววววววไม่มีอาราย ไม่มีจริ๊งจริง" อาบตอยกลับเสียงสูงอย่างผิดปกติพร้อมกับหลบสายตาแล้วหันไปง่วนกับกองเสื้อ ผ้าที่วางเกลื่อนเต็มพื้นต่อไป
"หึๆคิดว่าจะปิดชั้นพ้นหรือไงย่ะ เล่ามาซะดีๆ"ศักดิ์ชัยทำตาโตพร้อมกระโจนเข้าไปคว้าตัวเพื่อนรักที่ยังไม่ กล้าจะสบตาเธอ" ม๊ายมี๊ๆม๊ายมีจริงๆน้า เชื่อชั้นสิ ชั้นแค่จะหาชุดที่มันดูดีหน่อยก็แหม จะไปร้องเพลงวันแรกทั้งทีก็ต้อง....ต้องแต่งตัวให้มันดีๆหน่อยก็แค่น้านเอง คิดมากไปได้น่า "อายด้นสดโดยไม่ต้องใช้บท โกหกเพื่อนหน้าตาเลิ่กลั่ก ช่างไม่เนียนเอาซะเลย ศักดิ์ชัยรี่ตาอย่างรู้ทัน แล้วปล่อยตัวเพื่อนรักให้เป็นอิสระ

"จะบอกชั้นดีๆหรือจะบอกชั้นทั้งน้ำตาย่ะ" ศักดิ์ชัยยิ้มพรายก่อนจะหันมาขู่พร้อมกับหักนิ้วมือตัวเองดัง กร๊อบแกร๊บเสียงดัง อาคิราเป็นพวกเส้นตื้นมากถึงมากที่สุด ลองใครจั้กจี้เธอเพียงนิดเดียว เธอจะดิ้นพล่านหัวเราะน้ำตาไหลไม่หยุดเลยทีเดียว "ง่ะ แก นังศักดิ์อย่าน้า" อายเริ่มหวาดกลัวนิ้วที่กำลังดุกดิ๊กทั้ง10นิ้วของศักดิ์ชัย "งั้นก็บอกมาดีๆจะช้าจะเร็วยังไงหล่อนก็ต้องบอกชั้นอยู่ดีเพราะฉนั้นอย่ามา ทำลีลารีบๆเล่ามา ว่าแกน่ะแอบไปปิ๊งใครเล่ามา" ศักดิ์ชัยลากเก้าอี้ที่โต๊ะเครื่องแป้งมานั่งจ้องหน้าเพื่อนรัก ที่ดูเหมือนว่ายังไงๆก็คงจะปิดเธอคนนี้ไม่ได้ แล้วและเรื่องราวเป็นฉากๆตั้งแต่เธอได้ช่วยเด็กน้อยตัวจ้อยที่ถักผมเปียไปจน ถึงเรื่องที่ได้เจอกับคุณหมอคนสวยอย่างบังเอิญ

"ต๊าย!คุณหมอคนสวยที่เจอในห้องตรวจเมื่อวานนี้เองเหรอนึกว่าใครที่ไหน " ศักดิ์ชัยทำท่าทางสะบัดสะบิ้งราวกับตกใจมากจนน่าหมั่นไส้
"อือ....คุณหมอคนนั้นแระคุณหมอแอม พี่แอม คิคิ" อาคิราบ่นพึมพำเรียกชื่อหมอแอมไป แล้วก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว".ท่าจะเป็นเอามาก"ศักดิ์ชัยเห็นท่าทางเพ้อ ของเพื่อนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
"ไม่รู้สิ ชั้นรู้สึกอบอุ่นแล้วก็สบายใจยังไงก็ไม่รู้เวลาอยู่ใกล้ๆเค้า ใจงี้เต้นไม่เป็นจังหวะเลย แล้วชั้นก็รู้สึกผ่อนคลาย ปลอดภัย อยากอยู่ข้างๆเค้า อยากพูดอยากคุยกับเค้าอยากเห็นหน้าเค้า อยากเห็นเค้าหัวเราะ อยากเห็นเค้ายิ้ม...." อาคิราร่ายยาวอย่างเพ้อฝันแล้วถอนหายใจนอนแผ่ลงกลางเตียง

"ท่าทางโคม่านะแกเนี่ย ว่าแต่ไหนแกบอกว่าเคยช่วยลูกสาวเค้าไว้ งี้คุณหมอคนสวยของแกก็ต้อง....มีสา-ละ-มี แล้วนะสิย่ะนังบ้า" ศักดิ์ชัยนึกทบทวนถึงเรื่องราวที่เพื่อนเล่าให้ฟังแล้วจึงตวาดออกมา
"ง่ะ..อะเออ" อาคิราพูดไม่ออก มันก็จริงอย่างที่ศักดิ์ชัยพูด คุณหมอคนสวยไม่ใช่คนโสดแล้ว ถึงโสด อายเองก็ไม่รู้ว่าหมอแอมจะรับเรื่องแบบนี้ได้หรือเปล่าเมื่อนึกขึ้นมาได้ อายก็เบ้หน้าราวกับเด็กถูกแย่งขนม

"แก เนี่ยน้า ที่มาตามจีบต้อยๆ อย่างยัยจินตนาก็ดันไม่สนใจ ด๊านนนนดันไปสนใจ คนมีลูกมีผัวแล้วเฮ้อ คนสวยล่ะกลุ้ม" ศักดิ์ชัยบ่นไปเรื่อยตามภาษาคนปากมากโดยไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อนรักที่กำลัง นอนแผ่อยู่ที่เตียง กำลังคิดมากขนาดไหน หัวใจดวงน้อยราวกับกำลังถูกบีบ เมื่อเพื่อนรักพูดความเป็นจริงเตือนสติ อาคิราถอนหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้นนั่งท่าทางหงอยๆ "จริงอย่างที่แกว่า ชั้นนี่เพ้อเจ้อไม่ได้เรื่องเลยเน๊อะ" อายพูดเบาๆสายตาเหม่อมองกองเสื้อผ้าที่เธอสาละวนพยายามจะเลือกให้ถูกใจคุณ หมอคนสวย

"เฮ้ออายเอ๋ย เอาน่าเศร้าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไหนๆแกจะให้ชั้นช่วยอะไร ไปหยิบมาสิๆ" ศักดิ์ชัยเห็นสีหน้าท่าทางของอายก็พอจะรู้ว่าลึกๆแล้วเพื่อนกำลังรู้สึกอะไร คนที่ไม่ชอบแย่งชิงอะไรกับใคร คนที่ดูเรื่อยๆเอื่อยๆ แบบอาคิราไม่แปลกเลยที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ แม้กระทั่งคนที่เคยเคยทำให้เธอเชื่อว่ารักเพื่อนของเธอมากที่สุดก็ยังทำกับ อาคิราได้ลงคอ แล้วศักดิ์ชัยก็สงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ "นั่นน่ะสิเน๊อะ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มจีบเลยเน๊อะ ฮาฮ่า" อายฝืนหัวเราะออกมาเก้อๆ แปลกนักทั้งที่ยังไม่ได้ใกล้ชิดหรือรู้จักกันมากมายแต่เมื่อนึกขึ้นมาว่าคุณ หมอคนสวยมีเจ้าของแล้ว แถมมีลูกสาวน่ารักแบบนั้นอีก เธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาในอกอย่างบอกไม่ถูก
"เอาน่าแก ยังไงก็ดีกว่าถลำลึกไปชอบเค้ามากกว่านี้" ศักดิ์ชัยพยายามจะพูดปลอบเพื่อนที่ดูเหมือนจะมีหยาดน้ำใสๆคลอหน่วงอยู่ที่ ดวงตา เธอเห็นอายใช้หลังมือป้ายมันทิ้งไป ภาพนั้นทำให้ศักดิ์ชัยรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีที่ไปทำลายความฝันหวานๆของเพื่อน รักด้วยความเป็นจริง แต่เมื่อคิดได้ว่า ยังดีกว่าปล่อยให้เพื่อนยึดติดอยู่กับความฝันโดยไม่มองความเป็นจริง และเมื่อวันใดความฝันจบลง คนที่ต้องเจ็บปวดกับความเป็นจริงมากที่สุดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเพื่อนรักของเขาคนนี้นี่เอง
"แกว่าชั้นจะใส่กระโปรง หรือกางเกงดี แล้วจะใส่เสื้อตัวไหนดี ใส่มิกกี้ได้มั้ย" อาคิราพยายามจะลืมเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจโดยการชวนเพื่อนรักเลือก เสื้อผ้าที่วางกองอยู่มากมาย
"พอเลยๆนังมิกกี้เน่าของแกที่ใส่มาตั้งแต่ปีหนึ่งน่ะนะ แกนี่ เสื้อมีให้เลือกไม่รู้เท่าไรติดใจอะไรหนักหนาย่ะ กะไอ้เสื้อเน่าๆ ผุๆนั่นอะซักวันชั้นจะแอบเอาไปเผา" ศักดิ์ชัยส่งค้อนมาให้เพื่อนรัก แล้วแกล้งจะดึงเสื้อยืดตัวเล็กสีดำที่มีลายมิกกี้เมาท์ ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนตัวโปรดของเพื่อนรักออกมาจากกองเสื้อ

"ม่ายยยน้า...นังศักดิ์แกจะทำอะไรน้องมิกกี้ของช้าน" อาคิรารีบปาดเข้าไปแย่งเสื้อตัวเล็กออกมาได้ทันก่อนที่มือมารอย่างศักดิ์ชัย จะทำแบบที่พูด "เห้อแกนี่นะ โตขนาดนี้แล้วยังบ้าการ์ตูนเป็นเด็กๆ"(ว่าหนึ่งโดนเป็นสิบ รวมถึงคนเขียนด้วย)

"เรื่องของชั้น พวกไม่มีจินตนาการในหัวใจจะไปเข้าใจอาราย"อายพยายามกลบเกลื่อนความเศร้าด้วย การหัวเราะเก้อๆแล้วจับน้องเน่ามิกกี้เมาท์พับเก็บยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ทันที
"ย่ะๆไหนหมุนสิ"ศักดิ์ชัยสั่งให้เพื่อนรักที่ยังอยู่ในชุดนักศักษาหมุนตัวไปมา
"ขอคิดก่อน เอาแบบง่ายๆสบายๆก็แล้วกันดีมั้ย ร้านพี่ต้นเค้าก็ไม่ได้จะหรูหราอะไรมากมายเอาแบบน่ารักๆ สบายๆเหมาะกับท่าทางเป๋อแตกของแกดีกว่าเน๊อะ" ศักดิ์ชัยจิ้มลงที่แก้มของตัวเองอย่างใช้ความคิดแล้วก็จับเสื้อตัวโน้น กระโปรงตัวนี้ ทาบลงบนตัวของเพื่อนรัก

"เป็นไงใช้ได้ม่ะ สบายๆดูเป็นแกด้วย แถมน่ารักใช่ได้" เมื่อลองแล้วลองอีก ผลสรุปที่ได้ออกมาก็เป็นไปอย่างที่คิด ทั้งสองฝ่ายดูจะพอใจ ทั้งคนเลือกให้ใส่และคนใส่ ชุดที่ศักดิ์ชัยเลือกให้อาคิราใส่ก็เป็นชุดสบายๆมีเสื้อยืดลายทางสีขาวอ่อน แขนยาว ที่ใส่อยู่ข้างในทับด้วยเสื้อคลุมมีฮู้ด และกระเป๋าหน้าแบบสวม เพราะที่ร้าน เวลากลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นขืนใส่เสื้อบางๆไปตัวเดียว จะไม่สบายเอา กระโปรงยีนส์ สีอ่อนที่ใส่แล้วดูเข้ากันดีกับเสื้อที่เลือก และท้ายสุดหมวกแค้ปธรรมดาสีขาวเก๋ๆซักใบ พร้อมเครื่องประดับอีกนิดๆหน่อยๆ แค่นี้อาคิราก็ดูน่ารักขึ้นมาเป็นกอง ศักดิ์ชัย ยืนยิ้มพอใจกับผลงานตัวเอง เป็นใครถ้าไม่ลองเหลียวหลังมามองเพื่อนเธอก็โง่เต็มที ศักดิ์ชัย ยิ้มๆแล้วไล่ให้อายไปอาบน้ำ เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วก็จะทุ่มตรง ส่วนตัวเขาเองขอไปจัดการกับเจ้าหลานชายตัวดีของเพื่อนรักที่ยังเล่นเกมไม่ ยอมเลิกที่ชั้นล่างของบ้าน หลังจากศักดิ์ชัยออกจากห้องไปแล้ว อายก็ยืนมองตัวเองในกระจก และลองยิ้มดูเพื่อเรียกกำลังใจ แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ฝืนสิ้นดี เธอถอนหายใจแล้วจึงตัดสินใจว่าต้องอาบน้ำเสียที

เวลาทุ่มกับอีก10นาที ที่ทั้งสองสาวกับอีก1ตัว(เอ๊ะยังไง) มาถึงที่ร้าน wind's sapphine อายเองก็นั่งเงียบหน้างอมาตลอดทางเมื่อคิดถึงเรื่องของหมอแอม ศักดิ์ชัยก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมากเธอรู้ดีว่าปล่อยให้เพื่อนรักอยู่กับตัวเอง จะดีที่สุด อาคิราไม่ใช่คนโง่เมื่อเวลาผ่านไปเธอย่อมจะคิดได้และรู้ว่าควรจะใช้ชีวิตต่อ ไปอย่างไร

"น้องแซมมี่ น้องอาย สวัสดีครับ มากันตรงเวลาเลยนะ" ต้นเจ้าของร้านท่าทางใจดีเอ่ยทักเมื่อเห็นศักดิ์ชัย และอายเดินตรงเข้ามาหา
".สวัสดีค่ะพี่ต้น" ทั้งสองสาว(???) ยกมือไหว้พร้อมกัน อายมองไปรอบๆ ร้านนี้บรรยากาศยังอบอุ่นและน่าสบายเหมือนเดิม บวกกับเจ้าของร้างที่เป็นคนอัธยาศัยดีและรูปหล่อจึงไม่แปลกที่เวลาหัวค่ำ ยังมีแขกมาจับจองโต๊ะจนเกือบจะเต็มหมดแล้ว อายพยายามใช้สายตามองหาใครบางคนที่นัดไว้ตอนทุ่มตรง เธอมองนาฬิกาที่ติดที่ผนัง ทุ่มกับอีกสิบนาที รถคงติดเธอคิด แม้จะรู้ว่าเป็นไม่ไม่ได้อยู่เต็มอก แต่เธอก็ยังอยากที่จะเจอกับคุณหมอคนสวยอยู่ดี

"น้องอายมองอะไรอยู่เหรอครับ" ต้นถามเมื่อเห็นอายไม่พูดไม่จาเอาแต่มองไปตามโต๊ะของแขก
"อย่าไปสนใจเลยค่ะพี่ต้น ยัยอายคงจะตื่นเวที ร้านพี่ต้นก็คนออกจะเยอะแยะแบบนี้ ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเร้ยยยย" ศักดิ์ชัยเห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าอายคิดอะไรอยู่ จึงแกล้งแหย่เพื่อน เพราะเค้ารู้ดีว่าอายไม่ชอบให้ใครสบประมาท และก็ดูว่ามันจะได้ผลทุกครั้ง อายหันมามองค้อนให้เพื่อน

"ใครตื่นเวที ไม่เคยย่ะ" อายตวาดตอบเบาๆ"เอาล่ะครับ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย ทานอะไรมารึยังครับ อ้าวแล้วพ่อหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้เป็นใครครับเนี่ย" ต้นยิ้มให้ต้นข้าวที่เกี่ยวก้อยอยู่กับอาสาวและสายตาคู่ซนที่กำลังคิดว่าจะ หาเรื่องซนอะไรดี
"อ้อเจ้าข้าวนะค่ะพี่ต้น ลูกพี่ชายยัยอายเค้าน่ะค่ะ" ศักดิ์ชัยอธิบาย
"อ้อ ครับ งั้นเอาเป็น น้องแซมมี่กับน้องอาย หาอะไรทานกันก่อนตามสบายเลยนะครับ เดียวซักสองทุ่มผมจะมาจัดแจงเรื่องคิวของน้องอายให้นะ" ต้นยิ้มตาหยีให้ทั้งสองคน แล้วขอตัวไป อายนั่งลงที่โต๊ะข้างๆน้ำพุประดิษฐ์และสวนเล็กๆที่จัดไว้อย่างสวยงาม เธอมองขึ้นไปบนเวทีขนาดย่อมที่อยู่ไม่ไกลนักดูเหมือนว่าทุกคนกำลังง่วนอยู่ กับการตระเตรียมเวทีสำหรับนักร้องคนใหม่อย่างเธอ

"แก๊แก"ศักดิ์ชัยเรียกเพื่อนรัก เมื่ออายดูเหม่อลอย
"ว่าไง" อายสะดุ้งขานตอบเพื่อน
"เฮ้อ ก็เป็นซะแบบนี้แล้วคุณหมอคนสวยของแกน่ะ เค้าจะมาเมื่อไรย่ะ เพราะเดียวแกก็ต้องขึ้นไปร้องเพลงแล้ว" ศักดิ์ชัยทักพร้อมส่งเมนูที่บริกรยื่นให้มาคืนกลับไป หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย
"ทุ่มหนึ่งน่ะ" อายตอบ แล้วถอดหมวกออก
"รถคงติดน่ะ เดียวคงมา"
"มั้ง" อายถอยหายใจแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
"อาอายยยย"เจ้าตัวเล็กทัก
"ว่าไง จะเอาอะไรอีกล่ะเรา" อาคิราหันไปมองหลานชายตัวจ้อย
"ร้านนี้เค้าไม่กลัวเจ๊งเหรอ ถึงกล้าจ้างอาอายมาร้องเพลงอะ" เจ้าตัวแสบพูดลอยหน้าลอยตาก่อนจะวิ่งไปหลบหลังศักดิ์ชัยเมื่อ อาคิราทำท่าเหมือนจะเคาะกะโหลกหลานชายตัวดีซักทีสองที
"เดียวก็ทิ้งไว้ที่นี่เลยนิไม่ต้องกลับบ้าน"อายตวาด แล้วก็ยิ้มออกมา
"เอาน่าแกทำใจให้สบายเชื่อชั้น" ศักดิ์ชัยปลอบ
ทั้งสามคนนั่งทานอะไรไปเรื่อย จนเวลาเกือบจะสองทุ่ม อาคิรามองนาฬิกาบนผนังอีกครั้ง พร้อมชะโงกหน้ามองไปที่หน้าร้านเกือบจะตลอด
"น้องอายครับนี่เพลงที่จะต้องร้องคืนนี้นะครับ" ต้นยื่นลิสเพลงให้ เธอรับมันมาและกวาดสายตามองไล่รายชื่อเพลงไปเรื่อยๆ

"มีเพลงไหนไม่รู้จัก หรือไม่ถนัดก็บอกได้นะ พี่เผื่อมาไว้ด้วย ไม่ต้องร้องหมดนี่นะครับ ไม่งั้นได้คอแห้งกันพอดี" ต้นโปรยมุขเพราะดูเหมือน อาคิราจะดูท่าทางไม่ค่อยสบายใจนัก
"แหม พี่ต้นนี่ตลกก็เป็นนะคะ น่ารักจริงๆเลยเชียว" ศักดิ์ชัยส่งยิ้มหวานเชื่อมให้ต้น เขาเองก็ได้แต่ยิ้มตอบเก้อๆ
"อืม ไม่มีปัญหา อายร้องได้เกือบทุกเพลงล่ะค่ะว่าแต่ทำไมถึงมีแต่เพลงรักทั้งนั้นเลยค่ะ" อายถามเมื่อเห็นว่าเพลงในลิสมีแต่ เพลงรักหวานเจี๊ยบ อย่างมากจังหวะก็เนิบนาบไม่มีเพลงจังหวะสนุกเลยซักเพลง

“ฮ่าฮา น้องอายครับ ร้านพี่เนี่ยส่วนใหญ่มักจะเป็นคู่รักนะครับที่มาทาน ไม่ก็มาเป็นครอบครัว น้องอายจะให้พี่เลือกเพลงร็อคหรือเพลงเทคโนมาเปิดเหรอครับ" ต้นหัวเราะพร้อมยิงมุขใส่สาวน้อยที่ยังหน้างออยู่
"แฮะๆอายก็ลืมไป ได้ค่ะไม่มีปัญหา" อายยิ้มเก้อๆ
"เอาล่ะได้เวลาแล้วครับ เดียวน้องอายขึ้นไปเตรียมพร้อมบนเวทีเลยนะครับ" ต้นบอกแล้วจึงออกไปจัดแจงเตรียมความพร้อมของเวทีอีกครั้ง
"เอาน่าแก รถติดเดียวก็คงมา" ศักดิ์ชัยปลอบเพื่อนรักอีกครั้ง


-ที่โรงพยาบาลของหมอแอม -

"คุณหมอคะ ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วค่ะตอนนี้ความดันเลือดคนไข้ลดลงอีกแล้ว" พยาบาลสาววิ่งเข้ามาบอกหมอแอมที่กำลังเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด
"โอเคไปเดียวนี้แหละ" แอมที่กำลังพยายามโทรติดต่อหาอายเพื่อจะบอกว่าเธอมีเคสผ่าตัดด่วนอาจจะไปไม่ ได้หรืออาจจะช้าซักหน่อย แต่โทรเท่าไรอายก็ไม่ยอมรับซักที แอมตัดสินใจว่าจะลองโทรหาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีคนรับเหมือนเคย

"คุณหมอค่ะ ได้เวลาแล้วค่ะ" พยาบาลสาวชะโงกหน้าเข้ามาบอก เธอจงจำใจต้องวางมือถือทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วรีบวิ่งตามพยาบาลสาวออก ไปส่วนทางด้านอาคิราหลังจากขึ้นไปร้องเพลงได้ไม่นานมือถือในกระเป๋าก็ร้อง ดัง แต่ด้วยเสียงเพลงของร้านที่เป็นการแสดงสด จึงบดบังเสียงริงโทนเล็กๆจนไม่มีใครทันสังเกตุ เวลาผ่านไปนานนับชม จนเพลงสุดท้ายที่แขกของร้านรีเควสให้อายร้อง อายยิ้มแล้วรับโน๊ตเล็กๆขึ้นมามอง แล้วจึงยื่นส่งให้พี่นักดนตรีด้านหลัง อายเริ่มร้องเพลงนั้นเบาๆ แล้วก็เหมือนว่าความหมายของเพลงจะไปสะกิดโดนต่อมน้ำตาของอายเข้าเธอร้องไป ไม่ทันจบเพลง เสียงก็เริ่มสั่น เธอสะอื้น แล้วเอามือปิดปากไว้แน่น จนต้นและศักดิ์ชัยตกใจ รวมถึงแขกในร้านด้วย อาคิราวางไมค์ลง เธอทำอะไรไม่ถูก รู้สึกอุ่นขึ้นมาที่ดวงตา พร้อมกับนึกตำหนิตัวเอง ว่าเรื่องเพียงแค่นี้ก็ขี้แย ร้องไห้ออกมาได้ ต้นและศักดิ์ชัยรีบขึ้นไปประครองอายที่ยังยืนนิ่งอยู่บนเวที ต้นบอกให้ศักดิ์ชัยช่วยพาอาคิราไปพัก ส่วนเรื่องทางนี้เดียวเขาจัดการเอง

"สงสัยนักร้องคนใหม่ของเราคงจะอินมากไปหน่อยน่ะครับ" ต้นจัดการเรื่องบนเวที ส่วนศักดิ์ชัยก็พาอาคิราเข้าไปนั่งพักในห้องรับรองของทางร้านที่จัดไว้
"แก ไม่เป็นไรแน่นะ" หลังจากหยุดร้องไห้ อายก็ยิ้มให้เพื่อนรักเห็น พร้อมกับแกล้งแสดงว่าตัวเธอ สบายดีแล้วไม่ต้องห่วง
"ชั้นแค่อินกับเพลงไปหน่อยน่ะ อารมณ์ศิลปินน่ะไม่มีอะไรหรอก"ว่าแล้วอายก็แกล้งยิ้ม โดยอยู่ในสายตาหนักใจของทั้งเพื่อนรักและหลานชายตัวจ้อย
"ใครทำอาอายร้องไห้ค่อยดูข้าวจะไม่ให้อภัยเลย" เจ้าตัวดีสงสารอาสาวขึ้นมากับเขาบ้าง แล้วโผเข้ากอดเอว อาคิราแน่
"ตัวแค่เนี่ยอะนะจะช่วยชั้น" อายลูบผมต้นข้าวด้วยความเอ็นดู แล้วบีบแก้มกลมๆของเจ้าข้าวด้วยความหมั่นเขี้ยว

"ไม่เอาแล้วแก ไม่ร้องนะดูสิหน้าตาเลอะเทอะหมด" ศักดิ์ชัยว่า แล้วรื้อกระเป๋าของอาคิราเพื่อจะหากระดาษซับหน้าและเครื่องสำอางมาเสริมสวย ให้เพื่อน
"อ้าว มือถือแกใครโทรเข้ามาเนี่ยเป็นสิบสายเชียะ" ศักดิ์ชัยสงสัยแล้วยื่นมือถือส่งให้เพื่อน
"ไหน" อาคิราตาโต รีบคว้ามือถือไปจากมือศักดิ์ชัยด้วยความดีใจ เธอรีบเช็คเบอร์ที่โทรเข้ามา ทุกเบอร์เป็นเบอร์เดียวกันหมด และเป็นเบอร์แรกในชีวิตที่เธอจำได้ขึ้นใจ เบอร์ของหมอแอม!!!

"เบอร์ใครย่ะหรือว่าของคุณหมอคนสวย" ศักดิ์ชัยกระแซะเมื่อหน้าเศร้าๆของอายเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มขึ้นมาทันทีทันใด เมื่อได้เห็นเบอร์ในมือถือ ขอย้ำอีกซักครั้งว่าอาคิราช่างเป็นผู้หญิงที่อ่านออกง่ายจริงๆ
"อืม"อายยิ้ม แล้วรีบกดเบอร์โทรออกทันทีแต่ก็เหมือนจะไม่มีคนรับสาย อายลองโทรออกอีกหลายครั้งแต่ก็เป็นเหมือนเดิม เธอวางมือถือลง และหันมาหาเพื่อน
"ศักดิ์ ทำไงดีพี่แอมไม่รับ" อายถามความเห็นเพื่อน
"ถามชั้น แล้วจะให้ชั้นไปถามใครล่ะย่ะ แกนิประสาท" ศักดิ์ชัยค้อนประหลับประเหลือกใส่เพื่อน
"หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น"อายขมวดคิ้วใช้ความคิด
"เอาไว้ก่อนเหอะ นี่ก็ดึกแล้ว แกอุ้มเจ้าข้าวไปรอที่รถไป เดียวชั้นจะไปคุยกับพี่ต้น เรื่องนี้ก่อนว่าจะเอายังไงต่อดี" ศักดิ์ชัย มองไปที่เจ้าหลานชายของเพื่อนรักที่หลับปุ๋ยไปแล้ว
"อือ" อายได้แต่พยักหน้าตามเพื่อนบอกแล้วจึงอุ้มต้นข้าวออกไปรอที่รถตามที่เพื่อนสั่ง

เวลาเกือบตีสองการผ่าตัดครั้งใหญ่ก็เสร็จสิ้นลง แอมถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี
เธอมองเวลาที่นาฬิกาเรือนเล็กที่ข้อมือ

"ป่านนี้แล้วเหรอนี่" แอมบ่นกับตัวเองเบาๆพลางคิดไปถึงใบหน้าหวานที่คงรอเธอเก้อ แต่เธอก็คงทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วดึกป่านนี้ร้านคงปิดไปแล้วแถมถ้าจะ โทรไปตอนนี้ก็คงไม่ดีแน่ อายคงจะเข้านอนแล้วแน่ๆ แอมจึงตัดสินใจที่จะกลับบ้านก่อนแล้วพรุ่งนี้ ค่อยโทรขอโทษสาวหน้าหวานเรื่องที่เธอผิดนัด เมื่อคิดได้แบบนั้น แอมจึงกลับไปที่ห้องพักเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้านเสียที

"หือ" แอมเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ ขณะที่กำลังจะเก็บลงกระเป๋าเธอก็เห็นเบอร์ที่ชึ้นโชว์หรา นับสิบสาย เบอร์ของอาย คุณหมอคนสวยยิ้ม เมื่อเห็นจำนวนมิสคอลที่เธอไม่ได้รับทั้งหมด57 สาย เธอยิ้มพร้อมกับหัวเราะเล็กๆ นี่การผิดนัดของเธอทำให้อายเป็นกังวลจนต้องโทรหาเธอมากมายถึงเพียงนี้เชียว เหรอ แอมยิ้มรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกที่มีความสุขแบบนี้ มันหมายความว่าอะไร เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ แต่เธอก็กลับบ้านไปด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มพิมพ์อยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น