" หายไปไหนของเค้านะ บอกให้รอแท้ๆ"ทางด้านของแอม
เมื่อจัดการเรื่องของลูกสาวเรียบร้อยแล้วก็รีบออกมาจาก รร
เพื่อที่จะมาดูบาดแผลที่เคยบอกกับอีกคนไว้
แต่ก็ดูเหมือนใครคนนั้นจะไม่ได้รออยู่เสียแล้ว
เธอจึงตัดสินใจที่จะขับรถไปที่ทำงานเสียที
"อ๊ะ สวัสดีค่ะหมอแอม วันนี้มาสายนะคะเนี่ย" พยาบาลสาวที่นั่งรอadmid อยู่ที่เคาเตอร์ทักขึ้น
"สวัสดีจ้ะ อือ..พอดีมีเรื่องที่ รร น้องเมย์นิดหน่อยน่ะ" แอมยิ้มให้ ก่อนจะขอตัวเพื่อไปเปลี่ยนชุด
"เออคุณหมอคะ เด๋วช่วยดูอาการคนไข้ที่ห้องตรวจแทนหมอแหม่มด้วยนะคะ
พอดีคุณหมอโดนท่านผู้อำนวยการเรียกพบน่ะค่ะ"
พยาบาลสาวชะโงกหน้าขึ้นมาบอกอีกครั้ง ก่อนจะทำงานของตัวเองต่อไป
"อืมได้สิ"แอมตอบรับ
"สวัสดีค่ะ คุณหมอ" ตลอดทางที่แอมเดินไปที่ห้องพัก มักจะถูกทักทาย
ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ พยาบาล หรือแม้แต่หมอด้วยกันเอง
ก็เนื่องจาเธอเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่ค่อยเรื่องมากกับใคร
แถมยังใจดีเป็นพิเศษกับคนไข้เด็กๆ ทำให้เธอเป็นที่รักใคร่ ของใครต่อใครใน
รพ
ภายในห้องพักของหมอแอมที่ถูกจัดเป็นสัดส่วนภายในโรงพยาบาล
ห้องของหมอแอมค่อนข้างจะเรียบง่าย มีโต๊ะทำงานไม่ใหญ่นัก
ตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกทรงสูงที่เมื่อมองออกไปก็จะเห็นวิวของเมืองใหญ่
ได้เกือบทั่วทั้งหมด มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ไว้ใช้ทำงาน
และรูปที่อยู่ในกรอบกระจกใสตั้งอยู่บนโต๊ะ
รูปที่เธอมักจะนั่งเหม่อมองอยู่เสมอๆ เธอวางกระเป๋าสะพายลงที่เก้าอี้
แล้วหยิบรูปที่อยู่ในกรอบนั้นขึ้นมามองอีกครั้ง
รูปใบเล็กๆที่ดูเหมือนจะทำให้เธอระลึกถึงใครบางคนที่สำคัญมากในชีวิตเธอ
ชายหนุ่มในรูปนั้นกำลังยิ้มเก้อๆ
โดยที่ในตักมีเด็กน้อยที่ยังแบเบาะอยู่และตัวเธอเองที่นั่งอยู่ข้างๆชายผู้
นั้น"ไม่ต้องห่วงนะคะ แอมจะดูแลน้องเมย์เอง" เธอพำพึมเบาๆกับรูปใบนั้น
แล้วจึง ตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมสวมเสื้อกาวยาว
เตรียมพร้อมรับมือกับวันที่คงจะแสนวุ่นวายเหมือนทุกๆวัน
เมื่อจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบตรงดิ่งไปที่ห้องตรวจทันที
เธอ รับแฟ้มมาจากพยาบาลหน้าห้องตรวจก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
และเอ่ยทักคนไข้ที่มาเหมือนทุกๆครั้ง
โดยที่ไม่ได้หันมามองก่อนเลยซักนิดว่าคนที่นั่งหน้างออยู่ในห้องตรวจนั้นก็
คืออาคิรานั่นเอง
"สวัสดีค่ะเป็นอย่างไรบ้างค่ะ แล้ววันนี้มีอะไรให้หมอช่วยคะ" แอมเอ่ยทัก พร้อมกับละสายตาขึ้นมาจากแฟ้มเพื่อทักคนไข้ภายในห้อง
"คุณ..!!!!!" ทั้งสองคนแทบจะพูดพร้อมกันเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
"เอ๋ นี่แกรู้จักหมอด้วยเหรอ"ศักดิ์ชัยที่เห็นอาการอึ้งๆตื่นๆของทั้งเพื่อนและคุณหมอคนสวยที่เพิ่งเข้ามาก็เอ่ยถามอาย
"อะเออ ทำไมไม่อยู่รอล่ะค่ะ ดูสิ"
แอมวางแฟ้มลงที่โต๊ะก่อนที่จะเดินไปหยิบขวดแอกอฮอล์ที่อยู่ที่ชั้นมาวางไว้
ข้างๆ"ทำไมจะไม่รอรอตั้งนาน" อายหันหน้าไปทางอื่นแล้วบ่นอุบอิบเบาๆ
"แกว่าอะไรนะ"ศักดิ์ชัยเข้าใจผิดคิดว่าอายกำลังพูดอยู่กับตัวเองจึงหันไปถาม
"ไม่มีอะไรหรอกแกออกไปรอข้างนอกก็ได้ ชั้นอยู่คนเดียวได้"
อายบอกศักดิ์ชัยเบาๆ
ศักดิ์ชัยที่ยังงงๆจึงต้องเดินเกาหัวออกไปจากห้องตามที่เพื่อนสั่ง
"ฉันอุส่าห์บอกให้รอก่อนนี่ค่ะ ไม่น่ามาโรงพยาบาลให้เสียเงินเลย"
แอมยิ้มให้แล้วสั่งให้อาย ขึ้นไปนั่งบนเตียงตรวจโรค
พร้อมกับสั่งให้เธอเลื่อนกระโปรงที่คลุมหัวเข่าขึ้น
แต่คนอย่างอาคิราน่ะหรือจะทำอะไรเรียบร้อยๆแบบชาวบ้านเขาเป็น
เมื่อคุณหมอคนสวยสั่ง เธอก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
โดยการถลกรวบชายกระโปรงขึ้นอย่างรวดเร็วจน
คุณหมอที่ย่อตัวนั่งอยู่ที่เก้าอี้และกำลังจะทำแผลให้นั้น
เห็นอะไรไปถึงไหนต่อไหน "เออ แค่พอเห็นแผลก็ได้ค่ะ ไม่ต้องสูงขนาดนั้น"
ก็อาคิราเล่นถลกกระโปรงขึ้นไป จนเกินหัวเข่าไปถึงไหนๆ
โค่นขาเรียวขาวๆโผล่มาให้เห็นตัดกับกระโปรงสีดำสนิท
เล่นเอาแอมอายหน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อๆ
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ"
อายยิ้มแหย๋ๆแล้วปล่อยให้กระโปรงลงมาคุลมเรียวขาของตัวเองมากกว่าเดิม
แอมส่ายหน้ายิ้มขำๆแล้วค่อยๆบรรจงใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดไปรอบๆบาดแผลที่
หัว เข่า อาคิราเฝ้ามองคุณหมอคนสวยทำโน้นทำนี่ไปโดยไม่เอ่ยอะไรอีก
มือเรียวบอบบางที่กำลังค่อยๆติดผ้าก็อตอย่างเบามือลงบนแผลของเธอ
เล่นเอาอาคิราหน้าแดงขึ้นมาดื้อๆ"เอาล่ะ
เรียบร้อยแล้วค่ะเดียวหมอสั่งยาแก้ปวดและแก้อักแสบให้เอาไปทานที่บ้านนะคะ"
ว่าแล้วแอมก็หันหลังไปเขียนขยุกขยิกลงในแฟ้มที่เธอเอามาด้วย
แล้วยื่นส่งให้อาคิรา
"ขอบคุณคะ"อาคิรายิ้มหวานกลับไปให้พร้อมยื่นมือไปรับกระดาษแผ่นเล็กๆ
"คือว่าขอโทษเรื่องเมื่อเช้าจริงๆนะคะ ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้เลย" แอมตีหน้าเศร้า
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แผลแค่นี้เอง" อายแกล้งตีสีหน้าร่าเริง
ทั้งๆทีจริงๆแล้วเธอก็ยังปวดแผลตุบๆอยู่แท้ๆ
และด้วยความที่อยากแสดงให้คุณหมอคนสวยเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไร
เธอก็เลยแกล้งกระโดดลงจากเตียงตรวจโรคเอาดื้อๆ แต่ก็นั่นล่ะนะ
ทั้งๆที่เจ็บแต่ก็ไม่ได้ดูตัวเองเลย บาดแผลเจ้ากรรมเลยเอาเรื่อง
เสียวแปร๊บขึ้นมาทันทีจนอาคิราเสียหลักแทบทรงตัวไม่อยู่เดือดร้อนให้มือ
นุ่มๆของหมอแอมต้องมาช่วยประครอง
"นี่นะคะ ไม่เป็นไร เพราะฉันแท้ๆเลย" แอมตัดพ้อตัวเองก่อนจะค่อยๆประครองอาคิรานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียงตรวจโรค
"แฮะๆ" อาคิรายิ้มเก้อๆ ทำอะไรไม่ถูก ก็จะแสร้งทำว่าไม่เป็นอะไรซักหน่อย ไอ้แผลเจ้ากรรมก็ดันเล่นเจ็บขึ้นมาเสียอย่างงั้น
"อย่าฝืนเลยค่ะแผลไม่ใช่เล็กๆเลยคงจะปวดมากสินะคะ"
"ก็ ปวดน่ะค่ะ แต่คุณ...เออคุณหมอไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ถ้าเป็นคนอื่น
อายก็เชื่อว่าเค้าคงจะต้องทำอย่างที่อายทำนี่แหละค่ะ" อายอธิบาย
เผื่อคุณหมอคนสวยจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง "ค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ช่วยลูกสาวฉันไว้ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้อีก ก็บอกนะคะ
ยินดีค่ะ" หมอแอมยิ้มหวานๆส่งให้อีกครั้ง
รอยยิ้มแบบนั้นเล่นเอาหัวใจของอาคิราเต้นแรงขึ้นมาทันที
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะถ้ายังงั้น อายขอตัวนะคะ คุณหมอจะได้ทำงานต่อ"
อาคิราบอกแล้วค่อยๆพยุงตัวเองเปิดประตูออกไป
และในขณะที่เธอกำลังจะออกไปแล้วนั้น ความคิดประหลาดๆก็ดันผุดขึ้นมาในหัว
อาคิราตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องตรวจโรคอีกครั้ง "เออ
ถ้าจะให้ดีขอเป็นข้าวซักมื้อจะได้มั้ยคะ"
อาคิราชะโงกหน้าเข้ามาพูดเบาๆเธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรบ้างอย่าง
จนเธอเองอดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปง่ายๆแบบนี้
"เอ๋" แอมเองก็ไม่นึกว่าสาวน้อยแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งเดียว จะมาชวนเธอไปทานข้าวด้วยกันง่ายๆแบบนี้ ช่างพิลึกคนดีแท้
"เออ ไม่ได้เหรอคะ" อายหน้าสลดเมื่อดูเหมือนแอมจะยืนนิ่วหน้าใช้ความคิดไม่ตอบอะไรเธอกลับมาเสียที
"หืม มะ ไม่ใช่นะคะทำไมจะไม่ได้ล่ะ เป็นเมื่อไรดีคะ"
แอมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงตอบรับอาคิราง่ายๆแบบนั้น
ทั้งๆที่เธอเองก็ไม่เคยจะตอบรับคำเชิญของใครง่ายๆ
แถมยังเป็นคนที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งเดียวอีกต่างหาก
"ละแล้วแต่คุณหมอค่ะ ยังไงอายก็ว่างตลอดอยู่แล้ว
แถมเมื่อเช้าก็ดันโดดเรียนมาซะแล้วแฮะๆ" อาริคายิ้มเก้อๆพร้อมบอกให้แอมฟัง
"งั้นเอาเป็น พรุ่งนี้ตอนเย็นดีมั๊ยคะ"แอม เอ่ยเบาๆ
"ได้ค่า"อายเองเมื่อคุณหมอตอบรับก็ยิ้มหน้าบานราวเด็กๆที่เพิ่งได้ขนนมถูกใจอย่างไงอย่างนั้น
"พิลึกคน" แอมยิ้มแล้วพึมพำเบาๆเมื่อเห็นท่าทางร่าเริงของเด็กสาว ที่อยู่ดีๆก็ปิดประตูออกไป
"เป็นไรย่ะ หล่อน ยิ้มเป็นคนบ้าเชียว ตะกี้ยังหน้าบูดเป็นตรูดลิงอยู่เลย"
ศักดิ์ชัยชักงงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเพื่อนรัก "อ่ะนี่
ใบจ่ายยาไปรับแล้วจ่ายตังค์ซะนะจ๊ะชั้นไปรอที่รถนะ"อาคิรายังยิ้มหน้าบานไม่
หุบ ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนรักอีก
เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปที่ลานจอดรถของ รพ
"อารายของมัน ประสาท" ศักดิ์ชัยรำคานสะบัดมืออย่างอ้อนแอ้น เดินบ่นอุบอิบเป็นหมีกินผึ้ง ไปรับยาตามที่เพื่อนสั่ง
บ่ายวันนั้นดูอาคิราจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยไม่มีสาเหตุ จนเจ้าหลานชายตัวดี
แอบไปนินทาว่าน้าสาวของเธอคงจะไปแอบปิ๊งใครเข้าอีกแล้วมั้ง
เพราะทุกครั้งที่อาคิราไปชอบใครเข้าอาการของเธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ
ช่างเป็นผู้หญิงที่อ่านออกง่ายจริงๆ
"อาอายยยยยยย" ต้นข้าวลิ่วตาหันหลังไปมองน้าสาวแล้วเรียกเสียงยานคาง
"อาร๊ายยยย..มีอะไรย่ะ"อาคิราหันมายิ้มลอยหน้าลอยตาตอบอย่างอารมณ์ดีให้หลานชายตัวจ้อย
"ไปแอบปิ๊งใครมาอีกแล้วชิมิ๊ๆๆๆๆ" (ฉึก)
เสียงมีดปลายแหลมแทงลงกลางใจของอาคิรา
เธอหุบยิ้มแทบไม่ทันก่อนจะตอบแก้เขินกลับไปว่า
"เปล่าซักหน่อย..เงียบไปเลยไม่ใช่เรื่องของเด็กเข้าจ๋ายยยย"
ว่าแล้วเธอก็หลบสายตาหลานชายตัวจ้อยที่ยังลิ่วตาดูอาสาวของตัวเองอย่างไม่
ว่างตา
"แหงๆเลย" ต้นข้าวมองหน้าคุณอัครพลที่กำลังขับรถอยู่เหมือนถามความเห็น
อาร์มได้แต่ยิ้มเก้อๆส่งมาให้ลูกชายราวกับกำลังจะบอกว่า
"ก็คงอย่างงั้นแหละลูก" และแล้วสองพ่อลูกก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
โดยมีอาคิรานั่งไม่รู้ไม่ชี้ฮัมเพลงอยู่เบาะหลังอย่างอารมณ์ดี(สุดๆ)
ขอย้ำอีกครั้งว่าเธอช่างเป็นผู้หญิงที่อ่านออกง่ายจริงๆ
คืนนั้นหลังจากคุณอัครพลส่งลูกชายตัวน้อยเข้านอนแล้ว เขาก็ลงมาเห็นอาคิรากำลังนั่งโยกชิงช้าอยู่ที่สวนหลังบ้านอย่างอารมณ์ดี
"อายพี่ขอคุยอะไรหน่อยด้วยได้ไม๊" อาร์มเปรยเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆ
"ได้สิค่ะ"อายยิ้มให้พี่ชาย
"พี่ รู้ว่าเราน่ะโตแล้ว ตัดสินใจเองได้แล้ว เรื่องจะรักใครชอบใคร
พี่คงไม่มีสิทธิ ไปห้าม แต่อายรู้ใช่มั้ยว่าคนที่รักอายที่สุดน่ะคือคุณแม่
เพราะฉะนั้นอายจะทำอะไรต้องตัดสินใจดีๆนะ
"อาร์มยิ้มให้น้องสาวคนเล็กของเขาอย่างเอ็นดู
"โถ่พี่อาร์มไปฟังอะไรประหลาดๆจากเจ้าข้าวมาใช่มั้ยค่ะ"อายเบ้หน้าแล้วจึง
พูดต่อไปว่า" ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่อาร์ม สำหรับเรื่องแบบนั้น อายเจ็บแล้วจำ
อายคงไม่ปล่อยให้หัวใจตัวเองต้องเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหมือนที่ผ่านๆมาหรอกค่ะอายจะระวังตัวไม่ถลำลึกเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว
อายจะไม่ทำให้คุณแม่เสียใจอีกค่ะ"อาคิราอธิบายแล้วก้มหน้ามองต้นหญ้าที่พื้น
สนามอย่างเหม่อลอย"พี่ดีใจนะที่อายคิดได้แบบนั้นโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆกับเขา
แล้วสินะ..ยัยตัวเล็กของพี่.."อาร์มยิ้มขำๆแล้วขยี้ผมสีดำยาวสลวยของน้องสาว
เล่นเบาๆ
"โธ่ พี่อาร์มอายโตแล้วนะเล่นเป็นเด็กๆไปได้"อาคิราอายหน้าแดงพลางพยายามปัดมือของพี่ชายที่ยังไม่เลิกแหย่ตัวเอง
"จ้าๆโตแล้วก็โตแล้วงั้นพี่ไปนอนก่อนนะ"
อาร์มว่าแล้งจึงปล่อยให้น้องสาวนั่งอยู่เพียงลำพัง
อายเองตอนแรกก็ยังไม่นึกถึงเรื่องราวในอดีตมากนักแต่เมื่อพี่ชายมาพูดด้วย
ความหวังดี
กลับกลายเป็นกระตุ้นให้เธอนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ได้
ภาพของใครบางคนย้อนกลับเข้ามาในสมองราวกับภาพในหนังที่ค่อยๆหมุนวนมาให้เห็น
อีกครั้งหนึ่ง
ภาพของรอยยิ้มที่เมื่อเธอเห็นแล้วทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้ทุกครั้ง
ใครคนนั้นที่เธอเคยรักมากที่สุดและใครคนนั้นที่ทำให้เธอสียใจมากที่สุดเช่น
กัน
"อาย..ขอโทษนะขอโทษ" อาคิราสะดุ้งตื่น
เธอพึ่งรู้ว่าเธอนั่งเคลิ้มหลับอยู่ที่ชิงช้านอกบ้านนี่เอง
เธอพยายามจะสลัดภาพในหัวทิ้ง
จะสนใจทำไมกับคนที่ไม่แคร์เธออีกแล้วจะห่วงหาทำไม
เธอฝืนยิ้มอย่างยากเย็นแล้วสูดหายใจลึก
เรื่องในอดีตไม่มีทางจะมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว
เธอยังมีคนที่ห่วงเธอและรักเธออยู่อีกมากมาย ทั้งพี่ชายหลานชาย
เพื่อนสาว(เหรอ)และคนที่เป็นทุกอย่างสำหรับเธอ
นั่นก็คือคุณแม่ของเธอนั่นเอง
เธอจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาทำให้ครอบครัวเธอเป็นทุกข์อีกแล้ว
เธอจะไม่ทำให้คุณแม่ร้องไห้อีก
เมื่อนึกได้แบบนั้นอาคิราก็กลับมีกำลังใจอีกครั้ง
อายบิดขี้เกียจเล็กๆและตัดสินใจว่าได้เวลาเข้าบ้านเสียทีนี่ก็ดึกมากแล้ว
แถมพรุ่งนี้ ยังมีนัดกับใครบางคนอีกต่างหาก
เมื่อนึกถึงหน้าของคุณหมอคนสวยขึ้นมาก็เรียกรอยยิ้มจากใบหน้าหวานๆของอาคิรา
ได้ง่ายๆ ช่างเป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนอารมณ์ได้ไวจริงๆ
"ตรู๊ด..ตรู๊ด.."เสียงริงโทนคุ้นเคยดังขึ้นขณะเธอนั่งอยู่ในรถพร้อมพี่ชายและ หลานชาย
"ฮั่นแน่ หนุ่มที่หน่ายโทรมาเย้ยอาอาย" เจ้าตัวเล็กหันไปแขวะอาสาวที่กำลังล้วงมือหยิบโทรศัพท์อันเล็กจิ๋วในกระเป๋ากระโปรง
"ยุ่งน้าไม่ใช่เรื่องของเด็ก" อายเบ้หน้าแล้วตะคอกดุ
เจ้าต้นข้าวที่ดูอยากรู้อยากเห็นเหลือเกินว่าใครกันน้าที่โทรมาหาอาสาวของ
เขาแต่เช้าตรู่แบบนี้ "นี่ไงย่ะหนุ่มของเธอ
อาคิราโชว์ชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาให้เจ้าหลานชายตัวจ้อยดู
"นึกว่าใครที่แท้ก็
ป้าศักดิ์นี่เอง"ต้นข้าวเบ้หน้าเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด
แต่แล้วเสียงเล็กๆของต้นข้าวกลับกระชากโสตประสาทของคนที่โทรมาให้ขาดผึ่ง
อย่างง่ายดาย
"กรี๊ดๆๆ
เจ้าข้าวเดียวเถอะบอกกี่ครั้งแล้วอย่าเรียกชื่อนั้นแซมมี่ย่ะแซมมี่
กรี๊ดๆๆๆๆ"
ว่าแล้วเสียงแหบห้าวที่ดัดให้แหลมเล็กก็ตะโกนลั่นจนคนที่นั่งมาในรถทั้ง3คน
แทบจะเอานิ้วอุดหูไม่ทัน ยกเว้นอาร์มที่ทำหน้าที่ขับรถ
ก็ซวยไปโดยปริยายเพราะไม่มีมือจะอุด "โอ้ยเบาๆก็ได้ย่ะ นังศักดิ์
จะแซมจะศักดิ์มันก็เหมือนๆกันล่ะน่า"
อาคิรากรอกเสียงกลับลงไปในเครื่องมือสื่อสารอันจิ๋ว
"ไม่เหมือน กรี๊ดๆไม่เหมือนย่ะ บอกแซมมี่ก็แซมมี่สิย่ะ"
ศักดิ์ชัยยังไม่ยอมแพ้
ดูเหมือนเรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าเรื่องชื่อของเจ้าหล่อนก็เป็นไปได้มั้ง
เนี่ย
"เออๆแซมมี่ก็แซมมี่ ว่าแต่ มีไรอีกล่ะ ช่วงนี้รักชั้นมากรึไงโทรหาได้ทุกวัน" อาคิราถอนหายใจทำหน้าหน่ายๆ
"แหมๆหล่อน อย่าลืมว่าสัญญาอะไรกับชั้นไว้
เรื่องร้องเพลงที่แกตอบตกลงสัญญาไว้กับชั้นน่ะ จำไม่ได้หรือไงย่ะ"
ศักดิ์ชัยกระแทกเสียงกรอกตอบมา
"หืมจำได้สิชั้นไม่ได้ความจำเสื่อมนิได้จำไม่ได้" อาคิราบ่นกลับอย่ารำคาน
“เมื่อคืนนี้พี่ต้นเค้าโทรมาหาชั้นเค้าคงคิดถึงชั้นล่ะนะ..คิคิ"
ศักดิ์ชัยเอียงอายหัวเราะอย่างน่าหมั่นไส้ อายส่ายหน้าเนื่อยๆ
แล้วตอบกลับไปว่า "ตกลงจะคุยเรื่องแกกับผู้ชายใช่ม่ะ งั้นแค่นี้นะ"
อายประชด ทำเสียงเหมือนกำลังไม่พอใจและแกล้งว่าจะตัดสาย
"แหมๆเดียวๆสิย่ะเมาท์นิดเมาท์หน่อยทำเป็นงอนแกนิ"ศักดิ์ชัยสะบัดสะบิ้งตอบ
มาบ้าง
"ย่ะย่ะแล้วตกลงเรื่องอะไรล่ะ"
"ก็ชั้นบอกเรื่องที่แกยอมตกลงไปร้องเพลงประจำที่ร้านเค้าแล้วน่ะสิ รู้มั้ย เค้าดีใจ ชมชั้นใหญ่เลยที่ช่วยเค้าได้ แหมชั้นงี้..."
"นังศักดิ์" อายตวาดเมื่อ ศักดิ์ชัยกำลังจะเบี่ยงประเด็นกลับไปที่เรื่องเดิมอีกแล้ว
"แหมๆ นิดๆหน่อยๆก็ไม่ได้ ก็ได้ย่ะก็ได้ คืองี้นะ วันนี้แกเริ่มงานได้เลย
พี่ต้นเค้ามีวงประจำร้านอยู่แล้ว แกแค่ขึ้นไปร้องเพลงที่เค้าจัดๆมา
ไม่ก็ร้องเพลงตามที่ลูกค้า รีเควสไว้ก็เท่านั้นเอง ง่ายๆ เก็ตมั้ยย่ะ"
ศักดิ์ชัยแถลงรายละเอียดให้เพื่อนรักฟัง
"วันนี้เลยเหรอไม่เร็วไปหน่อยเหรอไง ชั้นยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลยนะ"อายสะดุ้งตอบเพื่อนไปเก้อๆ
"แหม แกๆๆๆๆๆๆจะต้องเตรียมอะไรหนักหนาย่ะเสียงแกก็ดีอยู่แล้ว กลัวไรย่ะ
หรือว่าไม่มั่นฝีมือตัวเองย่ะหล่อน" ศักด์ชัย ประชดประชันกลับมา
"ใคร๊ใครไม่มั่น ไม่เคยอ่ะ เออวันนี้ก็วันนี้
กี่โมงล่ะมารับชั้นด้วยนะชั้นไม่นั่งแท็กซี่ไปเองนะ...เปลือง"เมื่อโดน
เพื่อนรักสบประมาทมีรึคนอย่างอาคิราจะยอม
นิสัยแบบนี้ศักดิ์ชัยรู้ดีว่าเพื่อนของตัวเองน่ะรั้นแค่ไหน
เพราะฉะนั้นอยากจะให้อาคิราทำอะไรต้องพูดยั่วไปอีกทางแล้วเธอก็จะตกหลุมพราง
ได้ง่ายๆ ศักดิ์ชัยลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิด "ย่ะๆ
แม่คนเก่ง..ก็คงราวๆทุ่มหนึ่งอะ
ก็เห็นแกบอกไม่อยากกลับบ้านดึกๆพี่ต้นเค้าก็เลยอุส่าห์เอาใจแก
ย้ายวงสดมาเล่นหัวค่ำเห็นม๊ายว่าพี่ต้นน่ะเค้าแสนจะดีแค่ไหนแถมยัง..."
"นังศักดิ์" อายตวาดอีกครั้งเมื่อศักดิ์ชัยเริ่มจะเพ้อเจ้อพูดถึงผู้ชายอีกแล้ว
"แหมๆ ซักนิ๊ดก็ม่ายได้ เออๆ
อีกอย่างถ้าพี่อาร์มไม่อยู่เราก็พาเจ้าข้าวไปด้วยกันก็ได้
ร้านพี่ต้นเค้าก็สบายๆ
เด็กอย่างเจ้าข้าวน่ะเข้าได้ดีมั้ยย่ะ"ศักดิ์ชัยแจงให้ฟัง"อืม
อย่างนั้นก็คงได้มั้ง"
อาคิราไม่แน่ใจว่าพี่ชายจะยอมรึเปล่าเธอได้แต่แอบมองพี่ชายอย่างขอความเห็น
"พี่อาร์มขาๆๆๆๆๆ" หลังจากวางโทรศัพท์ที่คุยกับเพื่อนแล้วอายก็หันมายิ้มหวานส่งให้พี่ชาย
"อืมมมมมแล้วแต่เราสิ แต่ว่าดูแลเจ้าข้าวดีๆด้วยล่ะ ตอนพี่ไม่อยู่น่ะ"
อาร์มเองก็เห็นว่าอาคิราใกล้จบแล้ว น่าจะใช้เวลาที่เหลือให้เป็นประโยชน์
การที่จะลองทำงานตอนนี้ก็คงไม่น่าเป็นห่วงอะไร
เขารู้ดีว่าอาคิรามีความรับผิดชอบพอ จึงอนุญาตตามที่เธอขอ
"ค่ะ ไม่มีปัญหา เด๋วอายจะดูแลเจ้าข้าวให้เป็นอย่างดีพิเศษ"
อาคิราจงใจย้ำเสียงคำว่าพิเศษ
พลางยิ้มเจ้าเล่ห์มองไปที่หลานชายตัวจ้อยที่กำลังเบ้หน้า
"ม่ายๆๆๆคุณพ่อส่งข้าวให้ซาตานดูแลชัดๆๆๆ" เจ้าข้าวโว้ยวายลั่น
"จะไปรอดมั้ยเนี่ย" อาร์มส่ายหน้าก่อนจะจอดรถลงที่หน้า รร อนุบาล
หลังจากส่งเจ้าข้าวที่รร อนุบาลแล้ว
อายก็เดินเรื่อยเปื่อยข้ามฟากถนนเพื่อจะเดินต่อไปยังมหาวิทยาของตัวเองที่
อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก แล้วสายตาคู่หวานก็เหลือบไปเห็น
สาวน้อยแก้มแดงถักเปียที่เธอช่วยไว้เมื่อวันก่อนกำลังยืนยิ้มเกี่ยวก้อยอยู่
กับร่างสูงเพรียวที่เธอเห็นก็ต้องยิ้มออกมา หมอแอมนั่นเอง "หมอค่ะ หมอ
คุณหมอๆ" อาคิราตะโกนข้ามถนนเรียกคุณหมอสาว โดยตัวเองก็เงอะๆงะ
จะข้ามถนนไปด้วย แอมได้ยินเสียงเข้าก็หันไปมอง
"คุณเออ ตายแล้ว ระวังรถค่ะ ระวัง"
หมออายเห็นท่าทางของอาคิราที่สายตามั่วแต่สนใจเธอ
โดยไม่ได้สนใจดูรถที่วิ่งขวักไขว่เลยซักนิด เห็นแล้วหมอแอมก็นึกขำ
ช่วยคนอื่นไม่ให้โดนรถชนแล้วแท้ๆ
แต่ตัวเองข้ามถนนน่าหวาดเสียวจะโดนรถชนเอาเสียเอง
"แฮะๆ สวัสดีค่ะ" อาคิราหลังจากที่วิ่งเสี่ยงตายข้ามถนนมาได้
ก็มายืนยิ้มหน้าบานอยู่ข้างๆคุณหมอคนสวย พร้อมยกมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู
รอยยิ้มหวานๆแบบนั้นเรียกรอบยิ้มจากหมอแอมได้อย่างง่ายดาย
"น้องเมย์สวัสดีพี่เค้าด้วยสิค่ะจำได้มั้ยพี่คนนนี้ไงค่ะที่ช่วย
น้องเมย์ไว้เมื่อวัน" แอมย่อตัวลงบอกลูกสาวตัวเล็กที่ยังยืนงงๆ
แปลกหน้ากับผู้หญิงท่าทางกะเปิบกะป้าบอย่างอาคิรา
"สวัสดีค่ะ" เด็กหญิงตัวน้อยก็ว่าง่าย เธอหันมายิ้มหวานพร้อมยกมือไหว้อาคิรา
"มาทำอะไรแถวนี้ค่ะ บังเอิญจังเจอกันอีกแล้ว"แอมเอ่ยถามอายที่ยังจ้องหน้าเธอไม่ยอมเลิกซักที
"เออเออ อ้อ มาส่งหลายชายนะค่ะ" เมื่อได้สติ(มองซะเพลิน) อายจึงตอบเก้อๆกลับไป
"ต้นข้าวน่ะจ้า
น้องเมย์รู้จักมั้ย"ว่าแล้วก็ผูกมิตรซักหน่อยปกติมีแต่จะจีบลูกสาวใครให้
เข้าทางผู้ใหญ่ อาคิราเลยคิดว่าสำนวนนี้ก็คงจะใช้ได้กับเธอเหมือนกัน
จะจีบแม่ก็ต้องเข้าทางลูก..ช่างเป็นผู้หญิงที่คิดอะไรง่ายๆเหลือเกิน
"ต้นข้าว ข้าว ห้องคุณครูชมพู่ ชะม่ะค่ะ" น้องเมย์ทำท่าคิดก่อนจะเงยหน้าถามอาคิรา
"ค่ะๆ คนนั้นล่ะค่ะ รู้จักเหรอค่ะ" อายดีใจสุดๆที่ดูเหมือนแผนนี้จะได้ผล เลยยิ้มหน้าบานให้สาวน้อยตัวเล็ก
แต่ว่า.."งะแงงงงงงง คุณแม่ขาคนนี้ไงค่ะที่ชอบแกล้งน้องเมย์หลานของพี่คนนี้ นี่เอง"อะ...อ้าว อาคิราหุบยิ้มแทบไม่ทัน
อุส่าห์ส่งยิ้มหวานเจี๊ยบ
หวังพิชิตใจเด็กตัวน้อยแต่ดูเหมือนจะเป็นตรงกันข้ามกันเสียมากกว่า
น้องเมย์เมื่อทราบว่าพี่สาวหน้าหวานตรงหน้าเป็นใครก็ร้องไห้แจ
แล้ววิ่งไปซุกอยู่ข้างหลังคุณแม่คนสวยแทน
แอมส่ายหน้ายิ้มเล็กๆที่เห็นท่าทางตื่นๆเงอะๆของอายที่อยู่ดีๆก็หุบยิ้มทำ
หน้าสลด"โอ๋โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะคนดี พี่คนนี้
พี่...."แอมเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อของเด็กสาวหน้าหวานที่ชอบส่งยิ้ม
ให้เธออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยให้เธอเลย จึงมองหน้าอายเหมือนจะเป็นคำถาม
"อายค่ะชื่ออายค่ะ" อายยิ้มหวานให้คุณหมอคนสวยอีกครั้ง
"ค่ะ แต่งชุดนักศึกษาอย่างนี้เรียนอยู่ปีอะไรแล้วค่ะ"
แอมเอ่ยถามเมื่อเห็นอายยังพยายามจะอธิบายกับลูกสาวของเธอว่าเธอไม่ได้คิดจะ
แกล้งน้องเมย์เหมือนกับหลานชาย
"น้องเมย์ พี่อายไม่แกล้งน้องเมย์หรอกนะค่ะ ไม่แกล้งค่ะ
พี่อายนิสัยดีไม่เหมือนต้นข้าวหรอกน้า"แต่เหมือนว่ายิ่งปลอบ
น้องเมย์จะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
"คิคิ"เมื่อเห็นภาพน่าเอ็นดูแบบนั้นแอมก็อมยิ้ม
ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวที่เพิ่งเจอกันไม่นานจะสามารถทำให้เธอยิ้มได้
ความรู้สึกสบายใจที่เกิดขึ้นเมื่อเจอผู้หญิงคนนี้มันคืออะไรกันนะ
แอมได้แต่นึกถามตัวเอง
"ตะกี้คุณหมอถามว่าอะไรนะคะ" อายเองที่ยังพยายามจะปลอบไม่ให้เด็กตัวน้อยร้องหันมาถาม
"แอมค่ะพี่ชื่อแอม" แอมแนะนำตัวเองบ้าง
"ค่ะ ค่าพี่แอม..แอม...แอม.... " อายทวนชื่อนั้นซ้ำๆราวกับกลัวว่าจะจำชื่อของคุณหมอคนสวยไม่ได้อย่างนั้นแหละ
"พี่ถามว่า..น้องอายเรียนอยู่ปีอะไรแล้วค่ะ" แอมยิ้มขำกับท่าทางของอายที่บ่นพึมพำท่องชื่อเธอเบาๆ
"ปี4แล้วค่ะ " อายยิ้มตอบเบาๆ
"ใกล้จบแล้วสินะคะ" แอมว่า
"ค่ะ จบเทอมนี้ล่ะค่ะ"
"ยินดีด้วยนะค่ะใกล้เป็นบัณทิตแล้ว"ว่าแล้วแอมก็ส่งยิ้มหวานๆ
"ขอบคุณค่ะ" อายตอบแล้วหันไปสนใจเด็กตัวน้อยที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เลิก
"ว่าแต่เย็นนี้ น้องอายคิดออกรึยังค่ะว่าอยากจะทานอะไร"
แอมถามขณะเดินจูงมือลูกสาวตัวเล็กข้ามถนนโดยมีอาคิราเดินตามมาด้วยต้อยๆ
"เย็นนี้...เย็นนี้
ตายล่ะหวา"อาคิราทำตาโตเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองนัดทานข้าวกับแอม แต่
ดันไปตอบรับร้องเพลงที่ร้าน wind's sapphine
ซะแล้วทำไมเธอถึงขี้ลืมเรื่องสำคัญง่ายๆแบบนี้นะ อาคิรานึกตำหนิตัวเอง
"ค่ะ ว่าไงคะนึกออกหรือยังว่าอยากทานอะไร"
แอมที่เห็นอายเดียวนิ่วหน้าเหมือนคิดเรื่องอะไรไม่ตก
แล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานก็อดไม่ได้ที่จะถาม" ร้าน wind's
sapphine..ที่อยู่แถวสีลมดีไม๊ค่ะบรรยากาศดีค่ะ สบายๆ
แถมโรแมนซ์ติกด้วยนะคะ"
อายบรรยายสรรพคุณของร้านที่จะไปราวกับว่าเธอคุ้นเคยมันเป็นอย่างดีทั้งๆที่
เธอเองก็เพิ่งเคยไปเพียงครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง
"โรแมนซ์ติกด้วยเหรอค่ะ" แอมหันมาอมยิ้มให้
เล่นเอาอายที่เพิ่งนึกได้ว่าร้านwind's sapphine
เป็นร้านที่คู่รักมักจะชวนกันทานอาหาร
แล้วเธอเล่นชวนคุณหมอคนสวยไปทานร้านแบบนั้นตั้งแต่มื้อแรก
ยังกับออกเดทยังไงยังงั้นเลย เมื่อนึกขึ้นมาได้
อาคิราก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
"เห๋ เออ คือไม่ใช่นะคะคือ...คือว่า อาหารเค้าอร่อยจริงๆนะคะ
แล้วคุณหมอถามอาย อายก็บอก..ไปตามที่อายคิดน่ะค่ะ" ราวกับลมหายใจติดขัด
อายพูดตะกุกตะกักอย่างช่วยไม่ได้
"พี่แอมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ค่ะร้านนั้น พี่แอมรู้จักค่ะ
งั้นเอาเป็นทุ่มตรงดีมั้ยค่ะ"
แอมหัวเราะเล็กๆอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางตื่นๆราวกับเด็กที่ทำความผิดและ
พยายามจะบิดบัง
"ทุ่มตรงเหรอคะ ขอเป็นซักสาม-สี่ทุ่มไม่ได้เหรอค่ะ"
อาคิราเบ้หน้าก็เวลาทุ่มตรงเป็นเวลาที่เธอต้องขึ้นไปร้องเพลงนี่นา
แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งทานอาหารกับหมอแอมได้ล่ะ
ถึงจะเป็นร้านเดียวกันก็เถอะ
"หือทำไมเหรอค่ะน้องอายไม่ว่างตอนนั้นเหรอค่ะ" แอมถามอย่างสงสัย
"คือไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ แต่เออ....ก็ได้ค่ะ ทุ่มตรงก็ทุ่มตรง งั้นเจอกันที่ร้านเลยนะคะ"
เอาฟร่ะช่างมัน อาคิราไม่กล้าที่จะผลัดแอมเป็นเวลาอื่น
เนื่องด้วยกลัวว่าถ้าหมอแอมไม่ว่างในช่วงเวลาที่เธอนัด
อาจจะต้องเลื่อนนัดไปเป็นครั้งหน้าเพราะฉนั้นเธอถึงถือฤกษ์ที่หมอแอมสะดวก
เอาไว้ก่อนจะดีกว่า(เจ้าเล่ห์นัก)"โอเคค่ะงั้นก็ตามนั้นนะคะ อ้อ
แล้วก็นี่...เบอร์พี่ค่ะ มีอะไรก็ติดต่อมาได้นะคะ"
แอมค่อยๆบอกตัวเลข10หลักให้อาคิราฟัง
อายนั้นรีบคว้าเครื่องมือสื่อสารของตัวเองขึ้นมาเมมไว้อย่างรวดเร็วแถมยังจด
ลงในสมุดไดอารี่ลายมิกกี้เมาท์เล่มเล็กๆอีก
จนแอมเอียงหน้าสงสัยราวกับจะถามว่าก็เมมเบอร์ไว้แล้วทำไมยังต้องจด อีก
"เผื่อ ไว้ก่อนค่ะ เกิดอายทำมือถือหาย
เบอร์โทรสำคัญๆจะได้ไม่หายไปด้วยไงล่ะคะ อายเป็นพวกไม่ค่อยจำน่ะค่ะ
ขอจดเอาไว้เพื่อความชัวร์ดีกว่า" อายชี้แจงให้คุณหมอคนสวยฟัง
แล้วจับไดอารี่เล่มเล็กยัดใส่กระเป๋าผ้าใบโตของตัวเอง
"ถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ
อืมเบอร์สำคัญด้วยสินะค่ะ"แอมเองเมื่อเห็นท่าทางดีใจของอายที่ได้เบอร์ของ
เธอแต่อายทำท่ายังกับได้ของมีค่าอย่างนั้นแหละ
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะลองพูดแหย่อายบ้าง
"ง่าอย่าแซวกันสิคะ คุณหมอก็...." อายบ่นเบาๆแล้วหัวเราะ เหมือนๆกับแอมที่ก็หัวเราะที่ได้เห็นใบหน้าแดงๆของอายเช่นกัน
"เรียกพี่แอม ก็ได้ค่ะ..ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลซักหน่อย"
"ดะ...ได้เหรอค่ะ" อายถาม
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ เรียกพี่แอมก็ได้ค่ะ" แอมยิ้มให้อีกครั้ง
"ค่ะพี่แอม พี่แอม แฮะๆ" อายทดลองเรียกชื่อนั้น อย่างไม่เคยชิน
ราวกับเด็กเพิ่งหัดพูด เรียกชื่อไปก็ยิ้มไป
นั่นยิ่งทำให้แอมยิ่งเพิ่มความเอ็นดูในตัวเด็กสาวคนนี้ขึ้นไปอีก
Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
>>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น