Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
 
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท

1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252  บาท

วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
  >>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
 
 
 

11.7.55

Captivated Clumsy 01

"ตึงตึงตึง" เสียงฝีเท้าหนักๆที่รีบก้าวยาวๆ ขึ้นบนชั้นสองของบ้านเดี่ยวที่หน้าตาเหมือนๆกันหมดทุกหลังที่หาได้ไม่ยากตาม หมู่บ้านทั่วไปในสังคมเมืองใหญ่ พร้อมกับเสียงตะโกนโวกเวกโวยวายของหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังเร่งรีบเหมือนทุกๆ วันดังขึ้นลั่นบ้าน

"โครม!!!!" เสียงของประตูบานใหญ่ที่ดีดตัวตีกับผนังห้องเสียงดัง ด้วยลูกเตะไซด์คิกอันทรงพลังของเจ้าหล่อน
"ตื่นเดียวเน่ๆๆ ไอ้ลูกลิงกี่โมงกี่ยามแล้ว ห๋า!!!!" ติดตามมาด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหู แถมพ่วงท้ายด้วยดีกรีความโมโห ที่ร่างเล็กๆนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านต่อเสียงเรียกอันทรงพลังของเธอเลยแม้แต่น้อย

    "งืมๆงำๆ..ม่าอาวววว ม่าตื่น" มือเล็กๆคู่น้อยนอกจากจะไม่ยอมขยับไปไหนแล้ว ยังคว้าหมอนข้างมาปิดหูกันเสียง 18 หลอดของเจ้าหล่อนเสียแน่นอีกต่างหาก
    "อ๊าก ตื่นเดียวนี้นะ ตื่น"เมื่อเสียงแหลมสูงปรี๊ด ดูจะไม่ได้ผล งั้นขั้นต่อไป ก็ต้องถึงเนื้อถึงตัวกันล่ะนะ เธอก้าวอาดๆและหยุดอยู่หน้าเตียงเล็กๆที่มีผ้าปูที่นอนลายเบน10 แล้วเจ้าหล่อนก็กระชากผ้านวมผืนนุ่มออกอย่างไม่ใยดี พร้อมกับเขย่าร่างเล็กๆที่นอนคู้ตัวกอดหมอนข้างอย่างไม่ยั้ง
    "จาตื่นม๊ายนี่แน่ะ.นี่แน๊ะ ตุบๆตับ เพล้งโครมๆครามๆ" (แน่ใจว่านั่นคือการปลุก)
    "งะ..งะ..งะ..แง๊..พ่อค๊าบๆ!!!!!.อาอายแกล้งข้าวอีกแล้วแง๊"
    "ฟ้องเหรอ.ฟ้องเหรอ.นี่แน่ะๆ..ตุบๆตับๆ"
    "เห้อ!!! ขยันตีกันได้ทุกวันสิน่า"ชายหนุ่มที่นั่งจิบกาแฟอยู่ชั้นล่างเงยหน้ามองเพดานชั้น2 ที่ยังคงมีเสียงโครมคราม พร้อมกับเสียงร้องไห้ของลูกชายตัวจ้อยนาม "ต้นข้าว" กับน้องสาวตัวดีที่ชื่อ"อาคิรา"ชายหนุ่มถอนหายใจเล็กๆ แล้วก็อมยิ้มได้ในที่สุดเมื่อทุกอย่างสงบเงียบลงในเวลาไม่นานนัก

    "เป็นไงล่ะบอกแล้วใช่มั้ยไม่ให้ดูการ์ตูนจนดึกอะ ห๊ะๆ" หญิงสาวตีหน้าบึ้งแล้วเปิดประตูรถเก๋งสีดำสนิทของพี่ชาย ให้เจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องไปเรียนสาย ขึ้นไปนั่งหน้าเป็นจวักไม่แพ้อาสาวของตัวเอง
    "บอกไม่เคยจะจำ เด็กอาร๊ายยยยดื้อด้านนน" อาคิราได้ที ไม่เห็นเจ้าตัวเล็กเถียง เลยท่องอาขยานให้ฟังอีกซักบทสองบท
    "ก็ดื้อเหมือนอาอายอะแหล" เจ้าตัวดีหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อาสาวที่นั่งอยู่เบาะหลัง หลังจากปล่อยให้คู่ต่อสู้ปล่อยมัดออกมาเสียหลายที
"แน่ะแน่ะ ยังจาเถียงอีก"ฝ่ายอาสาวเองก็ไม่ยอมลดละ เถียงคอเป็นเอ็นกลับไปบ้าง
"ก็มันจริงนิคุณพ่อยังเคยบอกเลย   ตอนเด็กๆอาอายดื้อกว่าข้าวอีก แถมซนจนคุณย่าปวดหัวอีกต่างหาก แบร่"

"นะนะหนอยยย พี่อาร์มดูลูกชายพี่นะเถียงคำไม่ตกฟาก" เมื่อดูท่าจะเริ่มเสียเปรียบ เจ้าตัวก็เริ่มเบนประเด็นหาตัวช่วยซักหน่อย แล้วจะเป็นใครที่ไหนล่ะ ก็ในรถนั่งกันมา สามคน ถ้าไม่ใช่พี่ชายสุดรักแล้วจะเป็นใครไปได้อีก
"พอเถียงสู้ม่าได้  หาพวกทีเดียวแระชิ" เจ้าตัวเล็กรู้ทันจึงแกล้งบ่นเบาๆให้อาสาวได้ยินเสียอย่างนั้น
"ใครหาพวกย่ะ"  อาคิรายังไม่ยอมแพ้ ตั้งหน้าตั้งตาเถียงหลานชายตัวน้อยอย่างไม่ลดละ
    "พอๆ พอทั้งคู่เลยอะไรกันหนักหนาเนี่ยห๊ะ"

    "ยัยอาย เราก็โตแล้วนะ  จะเอาอะไรกะหลานมันหนักหนา"และแล้วกรรมการห้ามศึกมวยคู่เดือดประจำเช้านี้ก็ปรากฏตัวขึ้น
    "ใช่ช่าย.โตแล้วยังชอบทะเลาะกะเด็ก" ต้นข้าวได้ที เห็นอาสาวหน้าหงอเลยตอกย้ำเข้าให้
    "เราก็เหมือนกัน เจ้าข้าว น้อยๆหน่อย อาอายเค้าอายุมากกว่าเราตั้งกี่ปี เคารพซะม่างสิลูก"
    "สม" เสียงเบาๆของอาสาวลอยกับมากระทบโสตประสาทน้อยๆของเจ้าตัวเล็ก เป็นอันว่า มวยรอบเช้าวันนี้ กรรมการเป็นฝ่ายชนะน๊อคซะอย่างงั้น

    ------------------------ที่หน้าประตู รร. อนุบาลของต้นข้าว-------------
 "เอ้า..ลงๆ เจ้าข้าวตื่น!!! ถึง โรงเรียนแล้วลูก" เสียงนุ่มๆของอาร์ม ปลุกลูกชายตัวเล็กที่หลังจากประทะฝีปากรอบเช้ากับน้าสาวของตัวเองเสร็จก็หลับปุ๋ยไปอีกรอบ
    "งืมๆม่าอาววววว " เจ้าตัวเล็กหลับตาปี๋เกาะสายเซฟตี้เบล แน่นไม่ยอมปล่อย
    "โอ้ย.พี่อาร์มเจ้าข้าวน่ะมันก็ขี้เซายังงี้อยู่แล้ว มาปลุกนิ่มๆแบบพี่อาร์มอะ เจ้าข้าวมันไม่ตื่นหรอก ต้องอย่างอายนี่ ดูนะพี่..ดูเป็นตัวอย่าง"อายยิ้มมุมปาก พลางถลกแขนเสื้อนักศึกษาที่สั้นอยู่แล้วชึ้น(จะถลกทำไมย่ะ)
    "อะอืม"เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะปลดปล่อยเสียงแหลมปรี๊ดกรอกหูหลานชายตัวน้อย
    "ตื่นเดียวนี้ น๊าๆ!!!!!!" ได้ผล ต้นข้าวลืมตาสะดุ้งเฮือก
    "งะงะ..งะ.แง๊ๆ เจ้าตัวเล็กที่สะดุ้งตกใจกับเสียงของอาสาว รีบโผเข้ากอดเอวพ่อไว้แน่น

    "ให้ตายสิไอ้คู่นี้" อาร์มส่ายหน้าระอาอ่อนใจ หอมแก้มลูกชายตัวเล็กแล้วจึงขับรถจากไป ทิ้ง สองอาหลาน ยืนมองหน้ากัน(อย่างอาฆาต) ไว้ริมฟุตบาท
    มหาวิทยาลัยของอาคิราและ รร อนุบาลของต้นข้าวอยู่ใกล้ๆกัน เพราะฉนั้น อาร์มมักจะมาส่งลูกชายและน้องสาวที่ รร ก่อนจะกลับรถออกไปทำงานอีกทางหนึ่ง  "ไปเจ้าข้าวไวไว วันนี้ฉันมีเรียนเช้า"อายบอกหลานชายที่ยังยืนนิ่งแก้มตูมอยู่กับที่อย่างไม่สบอารมณ์นัก

    "ก็ด่ะ" ต้นข้าวตอบแล้วเกี่ยวก้อยจูงมืออาสาวเดินไปยังประตูโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก
    "สวัสดีค่ะน้องอาย"คุณครูสาวที่ยืนรอรับเด็กๆจากผู้ปกครองอยู่ที่หน้าประตูเอ่ยทักและส่งยิ้มมาให้อาคิรา และต้นข้าวเหมือนทุกๆเช้า
    "สวัสดีค่ะ ฝากต้นข้าวด้วยนะคะ" อายยิ้มพร้อมยกมือไหว้คุณครูสาวที่ยืนอยู่หน้าประตู
    "อาอาย" เสียงใสๆของเจ้าตัวเล็ก ทำให้อาคิราที่กำลังจะเดินจากไปต้องหันกลับมามอง
"หือ.ว่าไง"อาคิราส่งยิ้มให้หลานชาย พร้อมย่อตัวลูบเส้นผมละเอียดสีดำขลับอย่างเอ็นดู  "คุณครูบอกว่าบ่ายนี้ ให้อาอายมาสอนดนตรีด้วย" เจ้าตัวเล็กชี้แจงบอกอาสาวก่อนจะวิ่งยิ้มแก้มตุ่ย ตามกลุ่มเพื่อนที่กำลังเตรียมตัวเคารพธงชาติไป   

"จ้าๆ แล้วอาจะมาสอนบ่ายนี้นะ" อาคิรายิ้มรับด้วยความเอ็นดู
    เธอเป็นลูกสาวคนเล็กในบรรดาพี่น้องทั้งหมด อาร์ม หรือ อัครพล ซึ่งเป็นพ่อของต้นข้าวเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัว ส่วนตัวเธอซึ่งเป็นน้องคนเล็ก กำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้ายคณะศิลปกรรมศาสตร์ เธอชอบอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ จึงไม่แปลกเลยที่เธอจะชอบศิลปะทุกขแนงและที่เธอดูจะชอบมากที่สุดก็คงจะเป็น ดนตรี เธอชอบเล่นกีตาร์และร้องเพลงให้ใครต่อใครฟัง และมักจะมีความสุขที่คนที่ฟังเพลงของเธอมีความสุขไปด้วย

    และ ที่ต้นข้าวบอกให้เธอมาเล่นดนตรีบ่ายนี้ ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เธอยินดีทำ อาคิรารับอาสามาเป็นอ.สอนดนตรีให้กับเด็กอนุบาลตัวจ้อยเหล่านี้ด้วยความเต็ม ใจ แม้ว่าในตอนแรกๆ เธอเพียงแค่มานั่งรอรับเจ้าหลานชายตัวดี แต่ดันมาก่อนเวลา เมื่อไม่มีอะไรทำ เธอจึงฮัมเพลงเบาๆตามภาษาคนมีดนตรีให้หัวใจ แล้วเสียงหวานๆของเธอก็ดันไปเข้าหูของคุณครูของต้นข้าวเข้าพอดี
    คุณครูจึงขอร้องให้ อาคิรามาช่วยสวนดนตรีให้เด็กๆร้องเพลงให้เด็กๆฟังบ้างเป็นบางครั้งบางคราว และครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน บ่ายนี้เธอคงได้มาเล่นดนตรีให้เด็กอนุบาลตัวน้อยๆฟังอีกครั้ง
    อาคิราเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยระหว่างทางที่จะไปมหาลัย แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเสียก่อน

    "ระวัง..!!!!" อาคิราร้องเสียงหลงเมื่อรถเก๋งสีบรอน์ คันโตที่มีผู้ชายหัวล้านเลี่ยนท่าทางหื่นกามกำลังขับรถพร้อมกับโทรศัทพ์ไป โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่า มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กกำลังจะวิ่งข้ามถนน "รถชนเด็ก" เสียงชาวบ้านแถวนั้นกรีดร้องเสียงหลงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    อาคิรารีบปรี่เข้าไปทันคว้าเอวของเด็กน้อยได้ทัน

    "เหวอ" ชายหัวล้านที่ขับรถสีบรอน์หักหลบอาคิราแทบไม่ทันก่อนจะเบรคเอี๊ยดแล้วไขกระจกชะโงกหน้าออกมามองอาคิราที่ลงไปนอนกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่ริมฟุตบาท พร้อมกับเด็กหญิงตัวเล็กที่ร้องไห้จ้าเพราะความตกใจ
    "ระวังหน่อยสิว่ะอยากตายนักหรือไง" นอกจะไม่ลงมาดูอาการของคนที่นั่งกองอยู่กับพื้นแล้ว ชายหัวล้าน ยังตะโกนด่าเข้าให้เสียอีกนี่

    "หนอยตาแก่นี่เกือบชนเด็กตายยังจะพูดยังงี้อีก แน่จริงลงมาสิว่"(อาย เอ๊ย.แกน่ะผู้หญิงนะ) อายเหลืออดกับพฤติกรรมของคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ขึ้นมาทันที ชายหัวล้านเมื่อเห็นแบบนั้น พร้อมกับเริ่มมีไทยมุงมากขึ้น ก็ไขกระจกรถขึ้นแล้วรีบขับรถออกไปทันที      
"ไม่เป็นไรนะหนู" อายหันมาถามเด็กผู้หญิงตัวจ้อยที่ร้องไห้ไม่หยุด

    "น้องเมย์" เสียงแหลมสูงของของหญิงสาวที่ร้องด้วยความตกใจดังขึ้นพร้อมกับร่างระหงสูงเพรียวที่ฝ่าไทยมุงเข้ามาหาเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด   
"ฮือ.ฮือ.คุณแม่ขาน้องเมย์เจ็บ"ทันทีที่เด็กน้อยโผเข้าหาหญิงสาวที่เรียกว่าแม่ เธอก็สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของแม่

 "โอ๋.โอ๋..คนดีขวัญเอ๋ยขวัญมา ไม่เป็นแล้วนะคะ..แม่แอมอยู่นี่แล้วค่ะนิ่งนะคะคนดี" ตลอดเวลาที่หญิงสาวปลอบโยนเด็กน้อย อาคิราก็เฝ้ามองภาพนั้นอย่างชื่นชม ภาพที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังปลอบโยนเด็กน้อยที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอเห็นภาพนั้นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะเธอและแม่ต้องอยู่ห่างกัน คุณแม่ของเธอพักอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ ส่วนตัวเธอและพี่ชายต้องมาเผชิญความวุ่นวายสับสนในเมืองหลวง ความอบอุ่นที่ควรจะได้รับจึงขาดหายไป อาคิรายิ้มน้อยๆแล้วจึงลุกขึ้น ปัดเศษฝุ่นผงที่เกาะอยู่กับกระโปรงพีชของเธอ

    "อุ้ยขอโทษนะคะคุณเป็นอะไรมากมั้ย" หญิงสาวที่เพิ่งโอ๋จนเด็กน้อยเงียบแล้ว จึงหันมาสนใจคนที่ช่วยชีวิตลูกสาวของเธอไว้
    "ไม่เป็นไรค่ะ แค่..ถลอกนิดหน่อย" อาคิราตะลึงไปชั่วครู่เมื่อ ผู้หญิงที่เป็นแม่ของเด็กตัวจ้อย เอ่ยทักทำให้เธอได้เห็นใบหน้าหวานนั้นเต็มๆ  ดวงตาคมกลมโตที่อยู่ใต้แพรขนตายาวงอน จมูกโด่งเป็นสันแต่แฝงความรั้นไว้นิดๆและแก้มสีชมพูระเรื่อ ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้จะเป็นแม่คนซะแล้ว

    "สวยจัง"อายนึกในใจ แล้วยิ้มหน้าแหย๋ๆให้
    "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันแค่แวะเข้าไปซื้อของในร้านแป๊บเดียว ไม่นึกว่าน้องเมย์จะซนขนาดนี้ ขอโทษจริงๆค่ะ" หญิงสาวเฝ้าขอโทษแล้วขอโทษอีก ไม่รู้กี่สิบรอบจนอายรู้สึกเขิน
    "มะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษมากมายอะไรหรอกค่ะ" อาคิรายิ้มให้ ก่อนจะค่อยๆเดินเขยกๆไปนั่งพักที่ป้ายรถเมล์

    "ขอโทษจริงๆนะคะ"แอมเมื่อเห็นแผลถลอกที่บริเวณหัวเข่าและข้อศอกที่มีเลือดซึมออกมา แล้วยังจะท่าทางเดินกระย่องกระแย่ง ของอาคิราก็ยิ่งรู้ทำให้เธอรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
    "ไม่เป็นไรค่ะ"อายยิ้มเขินๆ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ขี้เกรงใจเป็นบ้า อายคิดในใจ
    "เอายังงี้นะคะ คุณรอฉันอยู่ตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ เดียวฉันพาน้องเมย์เข้าโรงเรียนก่อนแล้วจะมาดูแผลให้นะคะ"แอมรีบพูดจนอายที่กำลังจะบอกปฏิเสธขัดไม่ทัน จึงได้แต่ ค่ะ ค่ะ ไล่หลังของผู้หญิงที่ดูคล่องแคล่วคนนั้นไปแทน
   
 เวลาผ่านไปเกือบ10นาทีก็ยังไม่มีวี่แววของหญิงสาวที่บอกว่าจะมาดูแผลให้เธอ อายชะเง้อมองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
    "มานั่งรอทำไมนะชั้น"อายยิ้มแห้งๆให้ตัวเองก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ
    "ตายล่ะ จะเก้าโมงแล้ว เห้อๆ โดดอีกแล้วสิชั้น" อาคิราบ่นพึมพำกับตัวเอง แล้วจึงตัดสินใจว่าจะกลับไปทำแผลที่บ้านก่อนแล้วเดียวบ่ายๆจะกลับมาสอนดนตรีให้เด็กๆที่ รร อนุบาล
"ตรู๊ดตรู๊ด"เสียงของเครื่องมือสื่อสารอิเล็คโทนิคเครื่องจิ๋วในกระเป๋ากระโปรง กรี๊ดเสียงร้องลั่น เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารอันจิ๋วขึ้นมาดูว่าใครกันที่เป็นคนโทรมา
    "แก๊ๆ แก อยู่ไหนเนี่ยย่ะหล่อน"เสียงห้าวๆที่พยายามจะดัดให้เล็กแหลมฟังดูทะแม่งหู ก็ดังเจี้อยแจ้วออกมา อายต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูก่อนที่ประสาทหูของเธอจะเสียไปซะก่อน

    "เบาๆก็ได้ ชั้นอยู่หน้า รร.เจ้าข้าวน่ะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลย." อาคิรายังอธิบายไม่ทันจบดี เสียงปลายสายก็ตอบโต้มาเสียก่อน   
"ต๊ายๆๆๆ หล่อนไม่ใช่ว่าหาเรื่องโดดชม ยัยจินตนาอีกนะ รู้มั้ยยัยนั่นแทบแดดิ้นที่ไม่เห็นแกน่ะ"อาคิราเบ้หน้าเมื่อนึกถึงอ.ประจำภาควิชาศิลปะการแสดง ซึ่งเป็นวิชาที่เธอลำบากใจไม่ใช่เพราะตัววิชา แต่เป็นคนที่สอนต่างหากที่ทำให้เธอลำบากใจ และก็ดูเหมือนเธอจะทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะวิชานี้เป็นวิชาเอกของเธอ ถ้าไม่ผ่านนั่นก็จะทำให้เธอไม่สามารถคว้าเจ้าใบกระดาษสี่เหลี่ยมใบเล็กๆที่ ใครต่อใครที่ศึกษาก็ต้องการมันทั้งนั้น
   
"เหรอ เห้อๆ ช่างเค้าเถอะ ว่าแต่นอกจากเรื่องนี้แล้วมีอะไรอีกมั้ย แกถึงลงทุนโทรมาเนี่ย นังศักดิ์ชัย"อายเน้นย้ำคำว่าศักดิ์ชัย ทำให้ปลายสายกรีดเสียงร้องไม่เป็นภาษาด่ากลับมาไม่ยั้ง
    "ตะ..ตะต๊าย นังนี่ ใครกันย่ะศักดิ์ชัย หยาบคายที่ซู้ด แซมมี่ย่ะ แซมมี่" เสียงห้าวปลายสายสะบัดสะบิ้ง ทำเสียงงอนๆประชดอาคิรา จนเธอเองอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
    "เออๆแซมมี่ก็แซมมี่ นังศักดิ์"อาคิรายังไม่ทิ้งลายแหย่เพื่อนรักกลับไปอีกดอก
    "เดียวเถอะ ทำไมย่ะ ไม่มีอะไรชั้นโทรหาหล่อนไม่ได้รึไง"
    "อะจ่ะ ได้จ่ะ คุณแซมมี้ๆๆๆ ตกลงมีเรื่องอะไรรึปล่าว ถ้าไม่มีเดียวชั้นจะกลับบ้านล่ะ เจ็บแผลอะ"อาคิราเบ้หน้ามองแผลถลอกที่หัวเข่าที่เลือดที่ซึมออกมากำลังจับตัวแข็งเป็นสะเก็ดทำให้เธอรู้สึกตึงและเจ็บเมื่อขยับตัว


"แผล แผล? แผลอะไรย่ะไปทำอิท่าไหน ถึงมีแผล"ศักดิ์ชัยเอ่ยถามเมื่อน้ำเสียงของเพื่อนรักแสดงว่าคงจะเจ็บจริงๆ
"เรื่องมันยาวน่ะ ขี้เกียจอธิบาย ชั้นชักปวดๆแผลแล้วอะแก มีไรอีกไม๊ ไม่มีช้านจะเรียกแท็กซี่กลับบ้านละ"
"จริ๊ง ๆเลยนะแกนี่ หาเรื่องซนอะไรอีกล่ะ ว่าแต่อยู่หน้าโรงเรียนเจ้าข้าวชิมิ รอนั่นแหละ วันนี้ชั้นไม่มีเรียนแล้ว เดียวชั้นไปรับ โอเค๊?"ศักดิ์ชัย ทำท่านึกก่อนจะโยนหนังสือเรียนใส่ท้ายรถแจ๊ซ สีเขียวมะนาวของเจ้าหล่อน
   
"เอางั้นก็ได้ สงสัยเค้าคงลืมแล้วล่ะ" อายบ่นเบาๆนึกน้อยใจซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนั้น เธอชะเง้อมองประตูเหล็กสีฟ้าหม่นของ รร เรียนอนุบาลอีกครั้ง

    "เค้า? เค้าไหนย่ะ"ศักดิ์ชัยสงสัยเอ่ยถาม
"เออ ช่างเถอะ ไม่มีอะไรน่ะ รีบๆมานะ ชั้นรออยู่หน้าป้ายรถเมล์ตรงข้าม รร เจ้าข้าว"
    "อะเค รับทราบย่ะ"ศักดิ์ชัยตอบรับก่อนจะเลี้ยวรถออกนอกรั้วมหาวิทยาลัยไป
เวลาไม่ถึง5นาทีรถแจ๊ซสีเขียวสดใสก็มาจอดรอหญิงสาวที่หน้าตาดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรที่ป้ายรถเมล์"เอ้าหล่อนขึ้นรถสิย่ะ มัวเหม่ออะไรอยู่ได้"ศักดิ์ชัยเปิดประตูรถให้เพื่อน ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากจะขึ้นเท่าไรนัก "อะอือ" อายขึ้นไปนั่งในรถและขณะที่รถออกตัวเธอเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองทางกระจกหลัง เผื่อว่าจะเห็นร่างของใครบางคนออกมาจากประตู รร อนุบาลก็เป็นได้

 "เอ๊ะแกนี่ แปลกๆเหม่ออะไรย่ะแล้วนี่ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย ทำไมมันมอมแมมขนาดนี้" ศักดิ์ชัยเบ้หน้าและทำท่าน่าหมั่นไส้ถอยห่างเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวของอายมอมแมมยังกะไปฟัดกะตัวอะไรมา "เอออออชั้นไปฟัดกะหมามา พอใจยัง แกนิ" อายเริ่มอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้ว่าเกิดจากที่ศักดิ์ชัยเซ้าซี้ถามโน้นถามนี่หรือผิดหวังกับเรื่องบางเรื่องกันแน่
"อ๊ะใช่ๆ ชั้นเกือบลืมไปแน่ะแกจำ พี่ต้นที่เราเจอที่ร้านอาหารแถวสีลมได้ม่ะ"เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวชักจะอารมณ์ไม่ดีนัก การเบี่ยงเบนประเด็นดูจะเป็นรื่องที่น่าจะทำมากกว่า
"ร้านอาหารแถวสีลม ร้านไหน แถวสีลมมันไม่ได้มีร้านเดียวนะ”อาคิราขมวดคิ้ว อย่างนึกไม่ออก
   
"หะหะ แหม หล่อนก็ ร้าน The wind's sapphine ที่เราไปร้องเกะกันไง แล้วพี่ต้นเจ้าของร้านเค้าชอบเสียงแกน่ะ" ศักดิ์ชัย เล่าให้อายที่ทำท่าเหมือนกำลังจะนึกออกฟัง

    "อะอ้อ ร้านนั้นน่ะเหรอ เออจำได้แหละ ทำไมมีอะไรเหรอ"
"แหม แกนิยังไม่แก่ทำความจำเสื่อมซะล่ะก็ที่พี่ต้นเค้าอยากให้แกไปร้องเพลงประจำ ที่ร้านเค้าไง ตอนที่นักร้องคนเก่าเค้าลาออกไปน่ะ" ศักดิ์ชัยจีบปากจีบคอบอกเพื่อน
    "อ๋อ เออ ทำไมล่ะ ก็ชั้นปฏิเสธเค้าไปแล้วนิ ชั้นไม่อยากกลับบ้านดึก แล้วอีกอย่างใครจะดูเจ้าข้าวเวลาพี่อาร์มกลับบ้านดึกๆล่ะ" อาคิราอธิบายให้เพื่อนฟังเมื่อดูเหมือนศักดิ์ชัยจะส่งสายตาเป็นประกายเหมือนกำลังจะสื่ออะไรบางอย่างกับเธอ

"แหมแก เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาซักหน่อยเจ้าข้าวน่ะ ชั้นช่วยแกดูก็ได้ พี่ต้นเค้าขาดคนจริงๆนะไม่งั้นเค้าไม่มาขอร้องชั้นขนาดนี้หรอกน่า..นะแก คิดว่าช่วยชั้นเอ้ยช่วยพี่ต้นเค้าซักครั้ง" ศักดิ์ชัยอธิบาย พร้อมส่งสายตาเว้าวอนมาให้เพื่อนรัก ที่เบ้หน้าเพราะคิดว่าพอจะรู้จุดประสงค์ของเพื่อนรักที่ต้องการเอาใจเจ้าของร้านอาหารที่ตัวเองแอบปิ๊งอยู่นั่นเอง"ไม่อาวอะ ขี้เกียจ"อาคิราตอบเนื่อยๆ

"พรีสสสสสสส(please)" ศักดิ์ชัยงัดลูกไม้สุดท้ายออกมาใช้จนได้ เจ้าหล่อนขับรถเข้าข้างทางจ้องหน้าเพื่อนรักด้วยสายตาเว้าวอนปนน่าสงสาร(สมเพส)สุดขีดจนอาคิรา ทนลำแสงพิฆาตจากดวงตาโปนๆคู่นั้นไม่ไหว

" เห้อแกนิ เออ ก็ได้ๆ แต่แค่ช่วงสั้นๆนะถ้าชั้นอยากออกเมื่อ ไรต้องให้ชั้นออกเลยนะ ไม่มีการผูกมัดใดๆทั้งสิ้น"   อาคิรายอมตกลงในที่สุดเธอเองก็มีเพื่อนรักอยู่ไม่กี่คน เรื่องอะไรถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เธอพอจะทำได้ล่ะก็ เธอก็จะพยายามทำให้     "กรี๊ดๆๆ รักแกจังนังชะนีเพื่อนร๊าก " ศักดิ์ชัยดี๊ด๊ากรีดร้องด้วยความดีใจก่อนจะตบมือเสียงดังแล้วโผเข้าหาเอาแก้มอันแสนจะสากกร้านเข้าไปถูไถกับแก้มของเธอ

"พอ พอเลยแก จักจี้"อาคิราพยายามดันตัวออกห่างจากศักดิ์ชัยที่ยังดี๊ด๊าไม่เลิก
"แกอยากกินอะไรมั๊ยเดียวชั้นเลี้ยงเอง คริ คริ" ศักดิ์ชัยยังไม่ยอมหยุดยิ้มง่ายๆ อารมณ์ดีหันมาถาม
    "เหอะๆ เรื่องผู้ชายล่ะ ทำเป็นดี๊ด๊าเชียวนะ ไม่ล่ะ รีบๆพาชั้นไปทำแผลที่บ้านเห๊อะ  ปวดอะ" อาคิราว่าแล้วถลกกระโปรงพีชขึ้นให้เพื่อนดูแผลที่หัวเข่า "ต๊ายยย ตายแล้วแก แผลเหวอะขนาดนั่น ยังนั่งทนอยู่ได้นะย่ะชั้นว่าแกไปทำแผลที่ รพ ไม่ก็คลินิค จะดีกว่านะเดียวติดเชิ้อไปเป็นหนองจะแย่ อี้...." ศักดิ์ชัยแนะ พลางทำท่าขนลุกอย่างน่าหมั่นไส้   

"แล้วแต่แกเอางั้นก็ได้แต่ แกจ่ายนะ" อาคิราหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน
    "ย่ะๆ ยัยงก"ศักดิ์ชัยเบ้ปากค้อนใส่เข้าให้
    "อ่ะเอา โรงบาลนี้แล้วกันใกล้ดี"ศักดิ์ชัยเหลือบตามอง ป้ายบอกทางไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก "เออๆๆ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ แกจ่ายนิ" อายบ่น แล้วเป่าแผลที่ข้อศอกเบาๆ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น