“เหนื่อยมั้ยครับ”เฟียสหนุ่มน้อยหน้าใส เอ่ยถามบรีซที่ยังง่วนอยู่กับงานกองโต ตอนนี้เจ้านายของเธอไม่อยู่เธอจึงมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ตั้งแต่กลับมาจากร้านพิซซ่าเธอแทบจะไม่ได้พักเลย
“อืม เหนื่อยสิเฟียส จะเสร็จเมื่อไรก็ไม่รู้ เฮียติงก็นะ วีนจนเด็กกลัวหมดแล้ว” บรีซว่าขำๆเมื่อเห็นสภาพของเด็กฝึกงานแต่ละคนที่โดนผู้กำกับจอมเฮี้ยบวีนใส “งั้นเดียวเฟียสเอาน้ำมาให้นะ” เขาว่าแล้วเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม แค่ได้เห็นหน้าของบรีซในแต่ละวัน แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว
“แน่ะๆ” อิงนภาที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังฉากแกล้งแซวเพื่อน
“อะไรของแก” บรีซมุ่นหน้าขณะจัดเอกสารต่างๆอยู่ที่โต๊ะ “จะกินเด็กเหรอจ๊ะ” อิงแอบแซว “จะบ้าเหรอ โอ้ย คิดไปได้” บรีซส่ายหน้าโบกไม้โบกมือรำคานเพื่อนที่ชอบแซวเรื่องของเฟียส “เอ้า แกไม่คิด แต่เด็กมันคิสสสสส”อิงว่าแล้วแกล้งลากเสียงคำว่าคิสยานคางพร้อมห่อปากหลับตาพริ้มท่าทางจะจูบบรีซ
“ยังไม่เลิกเดียวแม่โบกหัวทิ่ม” บรีซว่าแล้วจับแฟ้มงานทำท่าจะตีที่ศีรษะของเพื่อน “แหมๆ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็น....”อิงยังไม่เลิกทะเล้น
“วันๆทำงานก็จะไม่มีเวลาอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องเจ้าบริ๊งอีก แต่ละวันๆ ชั้นไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพรรณนั้นหรอก อีกอย่าง...ฉันคงยังไม่พร้อม” สายตาบรีซดูเหม่อเลยเมื่อพูดถึงความรัก อิงที่เห็นว่าเพื่อนกำลังนึกถึงใครบางคนที่เคยมีความหมายสำหรับบรีซเธอก็รู้ว่าไม่ควรจะสะกิดแผลในใจของเพื่อนขึ้นมาอีก
“เอาน่า บรีซ คิดซะว่าไม่เคยเจอเขาอย่าไปสนใจเลย แกยังมีชั้นยังมีเจ้าบริ๊ง พี่เบส แล้วก็ ยังมีน้องเฟียส สุดหล่ออยู่อีกคนนะจ๊ะ” อิงตบไหล่เพื่อนเบาๆ บรีซจึงคลายยิ้มได้ในที่สุด เธอ สูดหายใจเฮือกใหญ่ กำลังจะลงมือเคลียงานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป แต่เสียงโทรศัทพ์ก็ดังขึ้นซะก่อน
“เหนื่อยมั้ยครับ”เฟียสหนุ่มน้อยหน้าใส เอ่ยถามบรีซที่ยังง่วนอยู่กับงานกองโต ตอนนี้เจ้านายของเธอไม่อยู่เธอจึงมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ตั้งแต่กลับมาจากร้านพิซซ่าเธอแทบจะไม่ได้พักเลย “อืม เหนื่อยสิเฟียส จะเสร็จเมื่อไรก็ไม่รู้ เฮียติงก็นะ วีนจนเด็กกลัวหมดแล้ว” บรีซว่าขำๆเมื่อเห็นสภาพของเด็กฝึกงานแต่ละคนที่โดนผู้กำกับจอมเฮี้ยบวีนใส “งั้นเดียวเฟียสเอาน้ำมาให้นะ” เขาว่าแล้วเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม แค่ได้เห็นหน้าของบรีซในแต่ละวัน แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว “แน่ะๆ” อิงนภาที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังฉากแกล้งแซวเพื่อน “อะไรของแก” บรีซมุ่นหน้าขณะจัดเอกสารต่างๆอยู่ที่โต๊ะ “จะกินเด็กเหรอจ๊ะ” อิงแอบแซว “จะบ้าเหรอ โอ้ย คิดไปได้” บรีซส่ายหน้าโบกไม้โบกมือรำคานเพื่อนที่ชอบแซวเรื่องของเฟียส “เอ้า แกไม่คิด แต่เด็กมันคิสสสสส”อิงว่าแล้วแกล้งลากเสียงคำว่าคิสยานคางพร้อมห่อปากหลับตาพริ้มท่าทางจะจูบบรีซ “ยังไม่เลิกเดียวแม่โบกหัวทิ่ม” บรีซว่าแล้วจับแฟ้มงานทำท่าจะตีที่ศีรษะของเพื่อน “แหมๆ แซวนิดแซวหน่อยทำเป็น....”อิงยังไม่เลิกทะเล้น
“วันๆทำงานก็จะไม่มีเวลาอยู่แล้ว ไหนจะเรื่องเจ้าบริ๊งอีก แต่ละวันๆ ชั้นไม่มีเวลามาสนใจเรื่องพรรณนั้นหรอก อีกอย่าง...ฉันคงยังไม่พร้อม” สายตาบรีซดูเหม่อเลยเมื่อพูดถึงความรัก อิงที่เห็นว่าเพื่อนกำลังนึกถึงใครบางคนที่เคยมีความหมายสำหรับบรีซเธอก็รู้ว่าไม่ควรจะสะกิดแผลในใจของเพื่อนขึ้นมาอีก “เอาน่า บรีซ คิดซะว่าไม่เคยเจอเขาอย่าไปสนใจเลย แกยังมีชั้นยังมีเจ้าบริ๊ง พี่เบส แล้วก็ ยังมีน้องเฟียส สุดหล่ออยู่อีกคนนะจ๊ะ” อิงตบไหล่เพื่อนเบาๆ บรีซคลายยิ้มได้ในที่สุด เธอ สูดหายใจเฮือกใหญ่ กำลังจะลงมือเคลียงานที่อยู่ตรงหน้าต่อไป เสียงโทรศัทพ์ก็ดังขึ้น
“บรีซ..ผมเองนะ” เสียงแผ่วเบาที่เธอไม่ได้ยินมานานดังขึ้นใครบางคนที่เธอเพิ่งนึกถึง โชตชะตาราวกำลังจะเล่นตลกกับชีวิตของเธออีกแล้ว “ผม...เอ่อ...คุยได้มั้ย”น้ำเสียงปลายสายดูเกร็งๆ “นนท์ รู้เบอร์บรีซได้ยังไง” ความรู้สึกสับสนกำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นในใจของเธออีกครั้ง ภาพอดีตวันวานค่อยๆกลับเข้ามาในความทรงจำเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เธอเคยรัก..หมดหัวใจ “นนท์...คิดถึงบรีซนะ” เขาเอ่ยเบาๆ เฝ้ารอคำตอบว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไร “บรีซยังอยู่ดี ยัง...ไม่ตาย” พูดจบเธอก็วางสายลงทันที ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันกำลังจะทำให้เธอ่อนแออีกครั้ง ทั้งๆที่เคยสัญญากับตัวเองแล้วแท้ๆว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายความรู้สึกของตัวเองได้อีก
ท่วงทำนองของเพลงที่เธอเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้วดังก้องกังวานขึ้นในความทรงจำ เพลงที่ทำให้เธอรู้ว่าชีวิตเธอยังมีอะไรมากกว่าแค่ความรัก เธอยังมีครอบครัว มีเพื่อนที่คอยห่วงใยเธอ เธอต้องข้ามผ่านความรู้สึกนี้ไปให้ได้
“จบแล้ว บรีซ มันจบแล้ว” เธอพยายามจะฝืนความรู้สึกที่มันค่อยๆกลับมาอีกครั้ง กว่าจะเรียกสมาธิให้กลับคืนมาได้อีกครั้งก็กินเวลานานอยู่ไม่ใช้น้อย และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่องานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ผู้คนในสตูดิโอดูบางตาไปเยอะ จะเหลือก็เพียงทีมงานไม่กี่คนที่คอยเช็คความเรียบร้อย เฟียสเป็นคนสุดท้ายที่มาทักเธอก่อนที่ทุกคนจะร่ำลาจากงานที่แสนยุ่งเหยิงของวันนี้ “กลับแล้วนะครับพี่บรีซ” เขายิ้มแล้วโบกมือลาออกจากสตูดิโอไป
“อืม กลับดีๆนะเฟียส” เธอยิ้มแล้วเอ่ยลาหนุ่มน้อย “อิงไปไหนต่อเปล่า” เธอหันมาถามเพื่อนที่ก็กำลังเก็บของกำลังจะกลับเช่นเดียวกัน “ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ เหนื่อย เฮียติงแหละตัวดีเลย เฮ้อ ว่าจะกลับบ้านอะ แล้วแกอะ” อิงนภาว่าเนื่อยๆแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋า
“ก็คงกลับเลยแหละ รีบไปเถอะถ้างั้น ดึกแล้วเดียวหาแท็กซี่ไม่ได้” เธอมองนาฬิกา อีกไม่เกิน10นาทีจะเป็นเวลาสามทุ่มตรง ป่านนี้เจ้าบริ๊งแห้งตายไปแล้วมั้ง เธอนึกถึงน้องสาวตัวแสบที่ไม่รู้ว่าจะหากับข้าวกับปลากินเองได้หรือยัง
กว่าจะลากสังขารกลับถึงที่พักก็เล่นเอาบรีซแทบหมดแรง วันนี้การจราจรคับคั่งมากกว่าทุกวันที่ผ่านมา บรีซถอนหายใจแล้วกดเรียกลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นบนสุดที่เป็นที่พักของเธอ เธอไม่ลืมแวะซื้อข้าวกล่องที่ร้านสะดวกซื้อติดมือมาด้วย ป่านนี้น้องสาวตัวดีของเธอคงหิ้วท้องรอเธอแย่แล้วแน่ๆ แต่..มันดันไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ ทันที่ที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมอบอวลก็ลอยมาแตะที่จมูกของเธอ บรีซทำจมูกฟุดฟิด แล้วเดินเข้าไปด้านใน
“บริ๊ง”เธอเรียกน้องสาวที่กำลังสาละวนอยู่ที่โต๊ะอาหารเจ้าตัวกำลังจัดเรียงจานช้อนให้เข้าที่ “กลับมาแล้วเย้ย” เจ้าบริ๊งฉีกยิ้มกว้าง “ทำอะไรน่ะ” บรีซมุ่นหน้างงเล็กน้อย นี่น้องสาวตัวดีของเธอหัดเป็นแม่บ้านแม่เรือนตั้งแต่เมื่อไร “หิวม่ะ”บริ๊งถามพี่สาว “อือ เอ้านี่ ข้าว” บรีซว่าแล้วยื่นถุงที่มีโลโก้ร้านสะดวกซื้อให้น้องสาว “โหะๆๆๆ วันนี้ไม่ได้ลงท้องเค้าหรอกไอ้ข้าวกล่องอะ” บริ๊งดีด๊าไม่สนใจจะรับถุงข้าวที่พี่สาวยื่นให้ “อะไรของแก อย่าบอกนะทำกับข้าวกินเอง” บรีซว่าแล้วหัวเราะขำๆประชดน้อง “ชิ...ใช่เซ่...อย่างเค้าจะไปทำอะไรเป็นล่ะ เชอะๆ”บริ๊งค้อนเข้าให้
“แล้วตกลงมันเรื่องอะไรเนี่ย แล้วกลิ่นอะไร ห๊อมมมหอม” บรีซหยุดแกล้งน้องแล้วถามถึงกลิ่นที่มาที่เธอได้รับตั้งแต่กลับมาถึง “หึหึ.....ทาด้าๆๆๆ.....”บริ๊ง พราวทู พรีเซ้น เจ้าตัวขยับหลบไปยืนข้างๆแล้วให้แม่ครัวเอกอย่างณภัทรยกสตูว์หม้อใหญ่ออกมาแทน ทันทีที่บรีซเห็นว่าเป็นใครเธอก็หุบยิ้มในทันที ณภัทรชำเลืองมองเจ้าของห้องที่นั่งหน้ามึนอยู่ที่โต๊ะทานข้าว เธอวางหม้อสตูว์ลงแล้วเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อหยิบอาหารอย่างอื่นที่ทำไว้อีกออกมา “ไอ้บริ๊งงงงง” ทันทีที่ภัทรเดินหายเข้าไปด้านใน เธอก็ดึงหูน้องสาวตัวดีทันที “บอกให้อยู่ห่างๆไว้ไง แล้วนี่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” บรีซกระซิบเบาๆแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่บิดหูของบริ๊งออก “โอ้ยๆ เจ็บนะเจ๊ ปล่อยๆก่อนๆ”เจ้าบริ๊งโวยวาย เธอถึงยอมปล่อยมือ
“แล้วจะให้น้องอดตายหรือยังไงเล่า กี่โมงกี่ยามแล้วรู้มั้ยเนี่ย โถ คนอุส่าห์หวังดี พี่ภัทรเค้าอาสามาทำให้กินเนี่ย” เจ้าบริ๊งว่าพร้อมมองค้อนพี่สาวของตัวเองอีกตลบ “ไอ้บริ๊งแกก็รู้ว่าฉันกับ...” บรีซกระซิบแล้วเพยิดหน้าเข้าไปด้านในครัว
“โอ้ย ...เจ๊ จะคิดมากทำไมเนี่ยก็พี่ภัทรเค้าบอกเองว่าไม่เป็นไรแล้ว เจ๊นี่อคิตจริงๆ”เจ้าบริ๊งส่ายหน้าแล้วทิ้งบรีซให้นั่งรออยู่ที่โต๊ะ ส่วนตัวเองเดินหายต๋อมเข้าไปในครัวอีกคน “ไม่รู้ด้วยแล้ว ไอ้น้องทรยศ” บรีซว่าแล้วหยิบข้าวกล่องเดินหายเข้าไปในห้องของตัวเอง
ซักพักใหญ่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “เจ๊กินข้าว” เจ้าบริ๊งตะโกนบอก
“กินแล้ว” บรีซตีหน้ายุ่งตะโกนตอบกลับมา
“เอ้า...แล้วกัน อร่อยนะจะบอกให้ ไม่กินหรือไง” เจ้าบริ๊งบอกอีกรอบ
“ไม่กิน”บรีซก็ตะโกนตอบกลับไปเช่นกัน
“เฮ้อ...ดื้อจริงๆพี่คนนี้ ไม่รู้นิสัยเหมือนใคร”บริ๊งว่าแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไอ้บริ๊งๆๆๆๆ เดียวโดน” แม้ว่าบริ๊งจะพูดเบาๆแต่พี่สาวเธอก้ได้ยินอยู่ดี เจ้าตัวคนโดนคาดโทษย่นคอแล้วรีบถอยห่างออกจากประตูของของพี่สาว “คงไม่ออกมาแล้วละค่ะ พี่ภัทร” สาวข้างห้องที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะมองบริ๊งแล้วยิ้ม “งั้นก็ทานกันเถอะ พี่หิวแล้ว” ณภัทรว่าแล้วลงมือตักข้าวใส่จานให้สาวน้อยตรงหน้า
“สวรรค์ชัดๆ” บริ๊งปลาบปลื้มแทบจะกระโจนใส่อาหารบนโต๊ะ “อร่อยมั้ย” ณภัทรถาม บริ๊งไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มปลาบปลื้ม ณภัทรจึงลงมือทานอาหารบาง เธอแอบมองประตูห้องนอนของบรีซเป็นพักๆ “อิ่มสุดๆ เฮ้อออ” เจ้าบริ๊งหลังจากจัดการอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยก็มานั่งผึ่งพุงของตัวเองอยู่ที่โซฟากลางห้อง
“พี่กลับก่อนนะ” ณภัทรที่เพิ่งจะจัดการล้างจานชามทั้งหมดเสร็จ เอ่ยลาบริ๊ง “ค่ะพี่ภัทร”เจ้าบริ๊งยกมือไหว้แล้วเดินไปส่งณภัทรที่ประตู “อ๋อ พี่แบ่งเก็บไว้เผื่อพี่เราแล้วนะถ้าหิวก็เอามาอุ่นล่ะอยู่ในตู้เย็น” ณภัทรอมยิ้มแล้วกลับห้องของตัวเองไป “ค่ะพี่ภัทร”เจ้าบริ๊งยิ้มแล้วโบกมือลาณภัทร “นางฟ้าชัดๆ”เจ้าบริ๊งเปรยด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข แต่ก็ต้องสะดุงเมื่อเห็นว่าใครยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้องนอน “ชะ..อุ้ย..เจ๊ออกมาเมื่อไร ตกใจหมด” บริ๊งว่า
“กลับไปแล้วใช่มั้ย” บรีซกอดอก มุ่นหน้าแล้วนั่งลงที่โซฟา “เอ้า แล้วเห็นว่าอยู่ไม๊ล่ะ” เจ้าบริ๊งตอบกวนๆ
“มานั่งนี่เลย มานี่ๆ” บรีซแสยะยิ้ม ตบเบาๆที่โซฟาข้างๆ รอยยิ้มแบบนี้แค่เห็นก็สยองแล้ว เจ้าบริ๊งยิ้มแหยๆ ขืนไปตายแน่ๆเจ้าตัวจึงแก้ตัวว่าจะขอตัวไปอาบน้ำเพราะง่วงแล้ว แต่ก็โดนสายตาคมๆของพี่สาวมองค้อนเข้าให้ จึงต้องจำยอมทำตามที่พี่สั่ง “โถ่ เจ๊อะ พี่ภัทรเค้าก็ดีแสนดี ไม่เป็นจะเป็นเหมือนที่เจ๊ว่าเลย เจ๊อะ อคิตไปอะเปล่า” บริ๊งอธิบาย
“อ๋อเหรออ.....เดียวนี้แกเข้าข้างคนอื่นมากกว่าพี่ตัวเองแล้วใช่มั้ย” บรีซมุ่นหน้าแล้วค้อนเข้าให้ “เจ๊อะ...ก็ บริ๊งไม่เห็นว่าพี่ภัทรเค้าจะทำอะไรไม่ดีตรงไหนเลยนี่นา “เจ้าบริ๊งยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมบรีซถึงดูไม่ชอบณภัทรนัก “ก็แน่ละซิ ใครจะไปเห็นแก่กินเหมือนแกล่ะ” บรีซพาลเข้าให้อีกตลบ “เอ้า แล้วกัน เฮ้อๆๆๆ เจ๊อะไม่มีอะไรหรอกคิดมากกกก” เจ้าบริ๊งยังคงยืนยันว่าณภัทรไม่มีอะไรจริงๆ แต่บรีซก็ยังไม่คลายกังวล “ระวังไว้เหอะไม่เห็นหรือไงเวลาเค้ามองแกอะ ตางี้เยิ้มเลย”
“โห้ย เจ๊ คิดได้ไงเนี่ย ไม่เอาล่ะ บริ๊งไปอาบน้ำดีกว่าๆๆ” เจ้าบริ๊งเริ่มรู้สึกว่าพี่สาวของตัวเองออกจะกังวลอะไรเกินเหตุไปเสียแล้ว “ระวังเหอะๆ เกิดอะไรขึ้นมาอย่ามาหาว่าไม่เตือนนะ” บรีซตะโกนไล่หลังบริ๊งที่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
ความสนิทสนมระหว่างณภัทรและบริ๊งที่มีมากขึ้นๆเริ่มทำให้บรีซเป็นกังวล ยังไงเธอก็ยังไม่ชอบขี้หน้าของสาวข้างห้องอยู่ดี ต่อหน้าบริ๊งเธอราวกับเป็นนางฟ้า แต่เธอรู้สึกว่าไอ้รอยยิ้มหวานๆที่ ณภัทรชอบส่งเกลื่อนกลาดนั้นมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ยิ่งแววตาของณภัทรที่เธอแอบเห็น มันช่างดูแปลกสิ้นดี แววตาที่เธอเหมือนจะคุ้นว่าเคยเห็นที่ไหนซักแห่งแต่เจ้าตัวกลับนึกไม่ออก เธอเฝ้ามองพฤติกรรมของ ณภัทรเรื่อยมา แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ ทุกครั้งที่ณภัทรมาที่ห้องของเธอ เธอมักจะปลีกตัวหายจ๋อยเข้าไปในห้อง ณภัทรก็เอาแต่ยิ้ม โดยไม่รู้ว่าภายในใจนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เธอกลับมาแล้วไม่เจอบริ๊ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงจะไปขลุกตัวอยู่ที่ห้องข้างๆแน่ๆ เธอจึงรีบตรงดิ่งไปที่ห้องข้างๆทันทีพร้อมมือที่รัวเคาะประตูเหมือนทุกๆครั้ง “นี่คุณๆๆ” บรีซเคาะประตูรัวแทบไม่เว้นจังหวะ แต่ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เปิดประตู
“น้องสาวฉันล่ะ” บรีซพยายามจะมองเข้าไปด้านในห้องโดยไม่สนใจเจ้าของห้องที่ยืนขวางทางเข้าอยู่ ณภัทรจึงเบี่ยงตัวหลบ แล้วปล่อยให้อีกคนเข้ามาจะได้ไม่ต้องมัวแต่ชะเง้อมองหาด้วยสายตาอีกต่อไป
“บริ๊ง ไอ้บริ๊ง” บรีซตะโกนเรียกน้องสาว เธอเดินดุ่มๆเข้าไปด้านใน แต่กลับไม่พบบริ๊งตามที่ตัวเองคิดไว้ “น้องชั้นอยู่ไหน”บรีซหันมาหาเรื่องเอากับเจ้าของห้องแทน “แล้วคุณเห็นมั้ยล่ะ” ณภัทรยิ้มบ้าง แต่รอยยิ้มนั้น ช่างดูแตกต่างจากที่เธอเคยเห็นมาในทุกๆครั้ง
“บริ๊ง....ไอ้บริ๊ง” บรีซตัดสินใจตะโกนเรียกอีกครั้งแต่ก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับ “น้องชั้นไปไหน” บรีซมุ่นหน้าแล้วหันมาถามณภัทรด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง” ณภัทรยิ้มอีกแล้ว เดินไปที่ตู้เก็บไวน์เปิดไวน์รินใส่แก้วโดยไม่ได้สนใจอาการกระวนกระวายของคนข้างห้อง
“แล้วถ้าบริ๊งไม่อยู่ ทำไมคุณไม่บอกชั้น” บรีซมุ่นหน้ามองอีกคนที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรที่เธอบุกมาถึงห้อง “ก็คุณอยากเข้ามาเองนิ...ซักแก้วไม๊” ณภัทรบอกเบาๆแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ พร้อมถามบรีซ “ไม่ล่ะ”บรีซสะบัดหน้าตอบแล้วกำลังจะเดินกลับ เธอถึงได้สังเกตเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ในห้องของณภัทร รูปที่ผนังดูโดดเด่นจนเธอต้องหยุดมองมัน
“ชอบเหรอ” ณภัทรเดินเข้ามาใกล้แล้วส่งแก้วไวน์อีกแก้วให้บรีซ ตอนแรกเธอทำท่าจะไม่รับแต่ก็จำใจต้องรับมาเพราะสายตาคู่สวยของณภัทรอีกแล้วที่ทำให้เธอต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ “ก็งั้นๆ” บรีซรีบเบนสายตาไปทางอื่น ณภัทรอมยิ้มแล้วนั่งลงที่โซฟากลางห้อง “คุณวาดเองหมดเลยเหรอ” บรีซที่คงลืมไปแล้วว่าจุดประสงค์ที่มาที่ห้องของณภัทรแล้วจริงๆนั้นคืออะไร เธอกำลังเพลิดเพลินกับภาพวาดมากมายที่อยู่บนผืนผ้าใบ
มุมห้องด้านหนึ่งถูกจัดเป็น อาร์ทแกลลอรี่เล็กๆ นี่สินะ สาเหตุของเสียงปึงปังที่เกิดขึ้นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน “อืม ก็ทั้งหมดที่คุณเห็นนั่นแหละ” ณภัทรเฝ้ามองบรีซที่เดินดูผลงานของเธอแต่ละชิ้นด้วยความรู้สึกประหลาด บรีซดูแตกต่างจากทุกครั้งที่เธอเห็น เธอช่าง....
”ฉันกลับก่อนนะ” เสียงของบรีซทำให้ณภัทรหลุดจากภวังค์ เธอหันไปมองบรีซแล้วจึงพยักหน้า “เอ่อ...ขอโทษที่โวยวายใส่คุณ” ก่อนที่บรีซจะกลับห้องไป เธอเอ่ยบอกณภัทรด้วยใบหน้าอายๆ “ช่างมันเถอะ” ณภัทรอมยิ้ม ทั้งสองมองหน้ากันอยู่ซักพักแล้วบรีซก็เป็นฝ่ายถอนสายตาออกไปก่อน เธอยิ้มน้อยๆแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง ความรู้สึกประหลาดๆเริ่มก่อตัวขึ้น บรีซหันกลับไปมองที่ห้องของภัทรอีกครั้ง ทำไมเธอต้องทำแบบนี้นะ เธอเองก็ไม่เข้าใจเธอรู้แต่เพียงว่าหัวใจของเธอมันเต้นระรัวจนเกือบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว บรีซสูดลมหายใจลึกเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วถึงหยิบโทรศัทพ์ขึ้นมา เรียกสายไปที่เครื่องของเจ้าน้องสาวตัวดีของเธอ
Innocen't devil
เล่ม 1และ 2 ยังมีอยู่นะคะ
ราคาหนังสือ
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
Innocent's devil เล่ม1 185บาท
Innocent's devil เล่ม2 235บาท
1. สำหรับผู้สั่งซื้อ เล่ม 1 และเล่ม2 = 235(เล่ม2)+185(เล่ม1)+17ซองกันกระแทกC4+70(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 507 บาท
2.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 2 = 235+17(ซองกันกระแทก)+50(ลงทะเบียน)
รวมต้องชำระ 302 บาท
3.สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ เล่ม 1 = 185+17+50
รวมต้องชำระ 252 บาท
วิธีการแจ้งโอนเงิน
เลขที่บัญชี 736-2-28423-0
>>>เช็คชื่อบัญชีดีๆนะคะระวังผิด(Morakot W.)<<<
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาย่อยถนนรามคำแหง
--------------------------------
หมายเหตุ : หลังแจ้งการโอนเงินแล้ว
กรุณาอีเมล์บอก(subject : ค่าหนังสือ IND)
เมล์ aphrodite_eve@hotmail.com
1.ชื่อ -นามสกุลที่จะให้จัดส่ง
2หนังสือเล่มที่ต้องการซื้อ ยอดการโอน(ลงท้ายเป็นเศษสตางค์)
3.หลักฐานการโอนเงิน เวลาที่โอน สาขา หรืออะไรก็ได้ที่ระบุว่าท่านเป็นผู้โอนเงิน ทางผู้แต่งจะได้สามารถเช็คได้นะคะ
ปล. มีปัญหาอะไรสามารถ เมล์มาสอบถามได้นะคะ หรือจะทิ้งไว้ในfacebook ก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น